กระดานสุขภาพ

เลือดออก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ทั้งชายและหญิง
Anonymous

15 มีนาคม 2558 20:40:45 #1

สวัสดีครับ ผมกับแฟนได้มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางครับ 
ในขณะทำผมพบว่าทีเลือดปนออกมาอยู่ภายในถุงยางของผมครับ 
ผิดปกติหรือเปล่าครับ

หลังจากเสร็จ แฟนผมก็มีเลือดออกมาเหมือนกันครับ 
ซึ่งแฟนผมหมดประจำเดือนได้เพียง 1 วัน ก่อนมีเพศสัมพันธ์
จะใช่ประจำเดือนที่ตกค้างอยู่ไหมครับ 

-นี่เป็นเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของทั้งคู่ครับ 
นำถุงยางใส่น้ำแล้ว ไม่พบรอยรั่วครับ

อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 67 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.68 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

16 มีนาคม 2558 15:48:33 #2

ถึง คุณ 27bcc

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 27bcc ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 27bcc ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 มีนาคม 2558 07:29:32 #3

หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี วันที่มีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงหลัง 7 วันหลังจากมีประจำเดือนวันแรก ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่หากมีช่วงที่มีประจำเดือนพอดี จะทำให้ฝ่ายหญิงมีโอกาสที่จะติดเชื้อหรือมีการอักเสบในอุ้งเชิงกรานได้ง่าย เนื่องจากในช่วงนี้เยื่อบุโพรงมดลูกกำลังลอกตัวออกมา ทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายครับ ดังนั้น หมอคิดว่า ควรให้ประจำเดือนน้อยลงเสียก่อน เช่น ให้พ้น 2-3 วันหลังประจำเดือนหมดก่อนนะครับ

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ แต่ค่อนข้างแปลกในกรณีมีเลือดอยู่ในถุงยางอนามัยครับ ซึ่งอาจเกิดจากถุงยางอนามัยรั่ว ซึม แตกได้นะครับ หรือ อาจเกิดจากถุงยางอนามัยที่หลวมและทำให้เลือดนั้น เข้าไปบริเวณขอบด้านบนของถุงยางอนามัยได้ ดังนั้น หากคิดว่า ไม่แน่ใจว่าถุงยางอนามัยนั้นมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก หรือไม่ สุดท้ายแม้จะได้ทันได้หลั่งด้านใน ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง โดยการทานนั้น อาจทานพร้อมกันสองเม็ดเลย หรือ อาจทานครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง ก็ได้ครับ ซึ่งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ