กระดานสุขภาพ

คุณหมอครับช่วยเข้ามาดูหน่อยนะครับ
Anonymous

10 กุมภาพันธ์ 2558 12:22:51 #1

คือว่าผมมีเพศสัมพันธ์กันแฟนเมื่อวันที่11มกราคม2558 มีการสวมถุงยางอนามัยแต่ถุงยางขาดทำให้หลั่งใน จากนั้นผมซื้อยาคุมฉุกเฉินให้แฟนกินครับ และเมื่อวันที่10 กุมภาพันธ์2558 ผมได้ไปซื้อที่ตรวจครรภ์โดยใช้ปัสสาวะหยด ผลออกมาว่าไม่ตั้งครรภ์ แต่ว่าแฟนผมประจำเดือนยังไม่มาเลยครับ(ซึ่งอาจจะเลื่อนเนื่องจากผลของยาคุมฉุกเฉิน แฟนผมมีประจำเดือนวันแรกวันที่5มกราคม2558ครับ) อยากถามคุณหมอว่าสามารถมั่นใจได้หรือยังครับว่าไม่ตั้งครรภ์ หรือถ้าจะตรวจให้ตรวจตอนไหนถึงจะมั่นใจได้100%

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.52 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

11 กุมภาพันธ์ 2558 10:29:31 #2

เพิ่มเติมนะครับ : มีข้อสัยอีกอย่างคือเมื่อเวลาผู้หญิงตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการ แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม หรือมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตอนไหนหลังจากไข่ได้รับการผสมครับ คือที่ถามแบบนี้เพราะว่ารู้สึกว่าแฟนผมอ้วนขึ้น และประจำเดือนก็ยังไม่มา(แฟนผมประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติล่าสุดแฟนผมมีประจำเดือนเมื่อวันที่5มกราคม2558 ถ้าย้อนไปอีกเดือนมีประจำเดือนเมื่อวันที่3ธันวามคม2557 )

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 กุมภาพันธ์ 2558 17:32:14 #3

หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก แม้จะได้ทันได้หลั่งด้านใน ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ

หากตรวจการตั้งครรภ์ตามช่วงที่หมอกล่าวไปแล้วปกติดี ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่วนในเรื่องผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการ แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม นั้น จะเริ่มช่วงอายุครรภ์ประมาณ 7-8 สัปดาห์ หรือ ขาดประจำเดือนมาประมาณ 2 เดือนครับ อาการมากน้อยแล้วแต่บุคคลครับ ส่วนเรื่องมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นนั้นจะชัดเจนหลังจากเดือนที่ 3-4 ไปแล้วครับ

เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

16 กุมภาพันธ์ 2558 03:41:46 #4

เมื่อเช้า(16กุมภาพันธ์2558)ผมลองให้แฟน ตรวจครรภ์จากปัสสาวะครับ ภายใน1-10นาที ขึ้นขีดเดียวครับแต่ ผ่านไปแล้วประมาณ30นาทีก็ขึ้นขีดที่สองแบบจางๆ ซึ่งอยากจะถามคุณหมอต่อว่า ผลที่ได้นั้นเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ถ้านับจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ล่าสุดก็ผ่านมา36วันแล้วครับซึ่งเป็นช่วงที่ควรจะเห็น2ขีดแบบชัดเจนหรือยังครับ