เรียน คุณ ice.inlaw,

การรับประทานยาคุมกำเนิด เพื่อป้องกันภาวะตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจหรือวางแผนไว้ ดังนั้นการรับประทานยาคุมกำเนิด ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์โดยเด็ดขาดครับ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้

การรรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในทางการแพทย์มี 2 ข้อบ่งใช้คือ เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัย ฉีกขาด รั่วซึมเทา่นั้น ไม่ควรใช้เป็นยาคุมกำเนิดโดยทั่วไป เนื่องจากตัวยามีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก (1500 ไมโครกรัม) เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ คือ 50-75 ไมโครกรัม จากข้อมูลตัวยา ไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก ตกเลือดในช่องท้อง แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า 3 ครั้งต่อเดือน จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่างๆสูงหลายเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน โดยมักพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ รวมถึงมะเร็งตับ เป็นต้น

แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย เพื่อคุมกำเนิดและยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน (หนองในเทียม) พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบบีหรือซี เริม หรือเลวร้ายสุดคือ เอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากช่องคลอดในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา แนะนำให้สอบถามจากเภสัชกรร้านยาได้โดยตรง ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไม่ทันการ อาจเกิดอันตรายต่อคุณหรือคนที่คุณรักได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์