กระดานสุขภาพ

กังวลมากค่ะหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนยังไม่มา
Anonymous

4 ตุลาคม 2557 04:11:24 #1

คือดิฉันมีประจำเดือนวันที่ 31 ส.ค หมด วันที่ 5.ก.ย ค่ะ

มีอะไรกับแฟน ช่วงประมานตี4 วัน อาทิตย์ที่ 7 ก.ย ค่ะ

แฟนหลั่งนอก ไม่ได้ใส่ถุงยาง เกิดกังวลค่ะ เลยให้แฟน

ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาค่ะ ทานตอน เวลา 15.00น.ของ

 ที่ 7 ก.ย และทานอีกเม็ด อีก 12 ชม . ตอน ตี 1 :58น.

หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ1 อาทิตย์ วันที่ 12 ก.ย มี

เลือดเหมือนประจำเดือนมาค่ะ มาเหยะด้วยค่ะ มา

ประมาณ 7 วัน หมด วันที่ 18 ก.ย ค่ะ แต่ประจำเดือน

เดือนนี้ต.ค ยังไม่มาค่ะ ปกติประจำเดือนจะเป็นคนมาตรงค่ะ

ที่จิงต้องมา 28 กย. แต่นี้ 4ตุ.ค.ยังไม่มา เครียดและกังวลมากค่ะ

ผ่านมา1อาทิตย์แล้วยังไม่มาเลยค่ะ 

คำถามที่1.ดิฉันมีอะไรกับแฟนหลังประจำเดือนหมด

1 วัน และแฟนหลั่งนอกและกินยาคุมฉุกเฉินไป

จะมีโอกาสท้องไมค่ะ

คำถามที่2.ดิฉันทานยาคุมฉุกเฉินถูกไม่ค่ะ ไม่เคยทาน

มาก่อนน่ะค่ะ คงจะเป็นครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วคงไม่ทานอีกค่ะ

น่ากลัวมากค่ะ

คำถามที่3.ที่ประจำเดือนไม่มาเหตุเพราะยาคุมฉุกเฉินหรือเปล่าค่ะ

ต้องรออีกกี่วันค่ะ กว่าประจำเดือนจะมา มีเวลาที่บอกแน่นอน

ไม่ค่ะ พยายามกินสัปรดก็ยังไม่มาค่ะ กังวลมากๆ ผลที่เราเครียด

และกังวลจะทำให้ประจำเดือนยิ่งไม่มาหรือเปล่าค่ะ

สุดท้าย "ขอบคุณมากค่ะ"

 

 

 

 

อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 153ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.50 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

5 ตุลาคม 2557 18:28:20 #2

เรียน คุณ a7a47,

จากข้อมูลที่คุณให้มานั้น เลือดที่ออกมาภายหลังรับประทานยา 7-10 วันจะเป็นเลือดที่เกิดจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากจนตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ เมื่อหมดฤทธิ์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ฉีกขาดและหลุดลอกออกเกิดเป็นเลือดคล้ายประจำเดือนได้ แต่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดทั่วไป (1500 ไมโครกรัม เทียบกับ 50-75 ไมโครกรัม) จึงทำให้ระบบควบคุมฮอร์โมนในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้หลั่งฮอร์โมนเพศช้าลงไปจากเดิม จนทำให้รอบประจำเดือนเปลี่ยนแปลงไป โดยมากมักช้ากว่ากำหนด 7-14 วัน หากช้ากว่านั้น แนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ส่วนคำถามของคุณ ขออนุญาตตอบเป็นข้อ ๆนะครับ

1. การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หากรับประทานยาได้อย่างถูกต้อง จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ประมาณ 75-80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การหลั่งนอกจึงช่วยลดปริมาณอสุจิลงได้ส่วนหนึ่ง

2. การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ถูกต้อง คือต้องรับประทานยาภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ มีได้สองแบบ คือ

  1. รับประทานยา 1 เม็ดทันที และรับประทานยาอีก 1 เม็ดภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาเม็ดแรก วิธีนี้มีข้อดีคืออาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียนค่อนข้างน้อย แต่ข้อเสียคือ มักจะมีปัญหาการลืมรับประทานยา
  2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการลืมรับประทานยา แต่มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากกว่าวิธีแรก ไม่ควรรับประทานยามากเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตกเลือดภายในช่องท้อง แต่จากการศึกษาวิจัยพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ

3. ประจำเดือนที่มาช้าเกินกว่ากำหนด อาจเกิดได้หลายสาเหตุ คือ ฮอร์โมนระดับสูงจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือภาวะเครียดต่าง ๆเช่นการอดนอน การอดอาหาร หรือจากภาวะงาน ดังนั้นหากเกินกว่า 7-14 วัน แนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจเพื่อเพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาทันที อย่ารอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจตอบช้าไม่ทันการ อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตของคุณ โดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทัน 

หากต้องการคุมกำเนิด แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิดชนิดปกติ ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินพร่ำเพรื่อโดยไม่มีความจำเป็น

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิกาารของเรา

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill) 

โดย รศ.ดร.นพ.บัณฑิต ชุมวรฐายี ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์