กระดานสุขภาพ

มีลิ่มเลือดสีน้ำตาลออกจากช่องคลอดค่ะ
Dojo*****z

29 มิถุนายน 2557 15:26:17 #1

มีลิ่มเลือดสีน้ำตาลออกจากช่องคลอดกระปริบกระปรอยค่ะ ถ้านั่งอยู่เฉยๆหรือนอนจะไม่ไหลออกมาค่ะ

แต่ถ้าเดิน วิ่ง ออกกำลังกายจะมีออกมาเลอะกางเกงในค่ะ ลักษณะเป็นลิ่ม สีน้ำตาลเข้ม ไม่มีกลิ่น

เป็นมา 2-3 วันแล้วค่ะ อยากรู้ว่าอันตรายมั้ยคะ

ตอนแรกคิดว่าฮอโมนในร่างกายไม่ปกติ เมื่อวานคุณแม่เลยให้ทานยาสตรีเบนโลไป 2 ช้อนโต๊ะค่ะ แต่ก็ยังมีเลือดสีน้ำตาลออกมาเหมือนเดิม

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

- ใช้แอพ My days ใน iPhone บันทึกการมีประจำเดือนตลอดค่ะ ประจำเดือนจะมาทุกๆ 30-35 วันค่ะ แล้วกำหนดการมีประจำเดือนน่าจะมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ประจำเดือนยังไม่มาค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะก่อนหน้านั้นป่วยเป็นไข้หวัด/ทานยาด้วยรึป่าวจึงทำให้ประจำเดือนมาช้า

- เพิ่งปรับการทาน มาทานอาหารคลีนมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่าอาหารคลีนมีส่วนทำให้ฮอโมนผิดปกติด้วยรึป่าว

- มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายกับแฟนประมาณต้นเดือนค่ะ(ใส่ถุงยางอนามัย)

- ออกกำลังกายเป็นประจำ

- เคยมีอาการแพ้ยาคุม Melodia ทานแล้วเลือดออกกระปริบกระปรอยทั้งเดือนค่ะ เลยหยุดไป และตรวจภายในแล้ว ปกติดีค่ะ

 

อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.14 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Oton*****7

1 กรกฎาคม 2557 03:38:23 #2

ตรวจแล้วท้องไหมครับ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

2 กรกฎาคม 2557 10:24:21 #3

จากคำถามทั้งหมดนั้น หมอขอตอบเป็นประเด็นดังนี้ครับ
1. หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ

2. ในเรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ส่วนการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

3. ในเรื่องของการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้ ซึ่งจากประวัติที่มีการใช้ถุงยางอนามัยนั้น หมอคิดว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจนะครับ