กระดานสุขภาพ
ใช่เริมรึปล่าวว?? | |
---|---|
11 มิถุนายน 2557 02:13:36 #1 มันมีอาการตุมใสๆคล้ายๆสิวเป็นได้สองวันก็แตกแล้วก็หายเป็นซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้เดือนนึงแล้วครับ (เป็นตรงส่วนหัวของอวัยวะเพศ) กินยา ไวเริม ไปสองกล่อง=10 วัน ยังเป็นเหมือนเดิม มีอาการคัน ไม่มีอาการเจ็บรึแสบ
ถ้าต้องการรูปจะลงให้นะครับ รบกวนด้วยครับ
ขอบพระคุณมากครับ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 90 กก. ส่วนสูง: 181ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.47 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Temp*****d |
11 มิถุนายน 2557 10:15:56 #2 หมอไม่มาตอบเลย.... |
Haamor Admin(Admin) |
11 มิถุนายน 2557 10:47:18 #3 ถึง คุณ tempurad การตอบคำถามของทีมคุณหมอขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เนื่องจากอาจารย์แพทย์หลายๆท่านมีงานประจำในการดูแลผู้ป่วยเฉพาะหน้าก่อน คุณหมอบางท่านอาจติดภารกิจในบางครั้งไม่สามารถตอบในทันทีได้ และบางคำถามอาจต้องรอหลายวันหน่อย ดังนั้นหากรอได้ทุกคำถามมีคำตอบให้แน่นอนนะคะ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
11 มิถุนายน 2557 14:56:34 #4 ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่นก่อนที่จะเป็นครั้งแรก มีการร่วมเพศกับหญิงบริการหรือมีคู่นอนหลายคน โดยไม่ใช้ถุงยาง อาการที่เล่ามาก็น่าจะเป็นเริม เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวดเสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง และหายเองได้ ถ้าส่งรูปตอนเป็นตุ่มใส และตอนเป็นแผลใม่มาให้ดู ก็จะช่วยในการตอบได้ ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนังหรือกามโรค |
Temp*****d |
12 มิถุนายน 2557 03:00:54 #5 ถ้าอย่างงั้นผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทานยา ไวเริมไปสองกล่องแล้วยังไม่หาย เนื่องจากผมไม่ได้หยุดการมีเพศสัมพันธุ์กับภรรยา(ใส่ถุง) รึการช่วยตัวเอง
ผมจึงสรุปได้ว่า ผมต้องทานยา "อะซัยโครเวียร์" และหยุดการมีเพศสัมพันธุ์ รึช่วยตัวเองจนกว่าจะหาย ถูกต้องรึปล่าวครับคุณหมอ?
ขอบพระคุณมากนะครับที่เข้ามาตอบคำถามและเรื่องร้อนใจของผม |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
12 มิถุนายน 2557 14:24:46 #6 ไวเริมกับ acyclovir เป็นตัวยาเดียวกัน แนะนำว่าถ่ายรูปมาให้ดูหรือหาหมอผิวหนัวหรือกามโรคเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกค้อง |
Temp*****d |
13 มิถุนายน 2557 03:35:43 #7 http://haamor.com/media/images/webboardpics/57c6e-13323.jpg
เป็นแบบนี้ครับคุณหมอ มันจะเป็นแล้วก็หายแล้วก็เป็นแบบนี้มาจะเดือนแล้วครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
14 มิถุนายน 2557 17:00:41 #8 ดูจากรูปที่ส่งมา อาจจะไม่ใช่เริม สังเกตูว่าหนังหุ้มยาวและเปิดได้ไม่สุด หรืออาจมีการรัดตัวเวลาร่วมเพศ ร่วมกับการใช้สารเช่นสบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาด น้ำาฆ่าเชื้อ ทำให้หนังบวมและเป็นแผล ตุ่มแดงๆที่บริเวณอวัยวะเพศ แนะนำให้ใช้สบู่อ่อนๆ เช่ยสบู่เด็ก ล้างเบาๆ เช้าเย็น ซับให้แห้ง ด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ในกรณีของคุณ เป็นมาหลายเดือน แนะนำหาหมอโรคผิวหนังก่อนดูว่าเป็นเริมหรือแพ้ร่วมกับเชื้อรา |
Anonymous |
16 มิถุนายน 2557 02:19:50 #9 ขอบพระคุณมากครับ แต่ที่ดูเหมือนหนังเปิดไม่สุดเพราะผมไม่ได้ถกมาให้สุดน่ะครับจริงๆเปิดสุดได้ ยังไงเดี๋ยวผมจะไปซื้อยามาทานะครับ |
Anonymous