กระดานสุขภาพ

มีตกขาวมาเยอะทั้งก่อนมีประจำเดือนและหลัง
Purp*****k

29 มีนาคม 2557 14:31:42 #1

อยากถามคุณหมอ พอดีหนูมีตกขาวเยอะมากช่วงก่อนมีประจำเดือนประมาณสัปดาห์กว่าๆ แล้วก็มีเพศสัมพันธ์ในระหว่างนั้น ตอนแรกไม่มีอาการคันค่ะ พอหลังจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ก็เกิดคัน แล้ววันนั้นแฟนก็หลั่งในด้วย หนูไม่ชัวกลัวประจำเดือนมาไม่ตรงจึงทานยาคุมฉุกเฉิน แล้วซื้อยาสอดมารักษาอาการคัน แต่ก็ไม่ได้หายสนิท ตกขาวมีสีออกเหลืองแต่ไม่มีกลิ่นรุนแรง  หลังจากทานยาคุมฉุกเฉินได้6-7วันประจำเดือนก็มา  หนูไม่แน่ใจว่าเป็นประจำเดือนจริงหรือเป็นฤทธิ์จากยา เพราะมันอยู่ในช่วงที่จะมีรอบเดือน แต่เดือนนี้มาช้ากว่าทุกเดือนค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยามั้ย พอมีปจด.อาการคันหายไป วันแรกที่เลือดออกหนูเริ่มทานยาคุมของยาสมินแผงแรก การทานยาคุมฉุกฉินแล้วมาทานยาคุมปกติมีผลอะไรมั้ยคะ พอประจำเดือนหมด คือมา5วันนะคะ 
วันต่อมามีกิจกรรมอีกแล้วแฟนก็หลั่งใน แล้วต่อมาอีกวันก็มีอีก แต่หลั่งนอก แต่หนูไม่ชัวเพราะหนูอยู่ข้างบนแล้วก็มีคราบอสุจิติดที่อวัยวะเพศหนู หลังจากนั้นสองวัน หนูเริ่มมีตกขาวเยอะอีกแล้ว ดูจากที่ติดกางเกงในคือเป็นเหมือนแป้งเปียกบ้างเป็นน้ำบ้าง สีขาวบ้าง เหลืองจางบ้างแต่ไม่มีกลิ่น รู้สึกคันไม่ได้คันข้างในนะคะ คันบริเวณปากช่องคลอดกับตรงที่มันเป็นกลีบข้างบนอะคะ ไม่คันรุนแรง อยากทราบว่า หนูมีโอกาสท้องมั้ยคะ อาการที่หนูเป็นเกิดจากอะไรร้ายแรงรึป่าว

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.53 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Purp*****k

29 มีนาคม 2557 14:38:11 #2

ถามต่อนะคะ ตอนนี้หนูทานยาคุมมาถึงเม็ดที่9แล้ววันนี้ทาเม็ดที่10 มีอาการหนักๆหน้าอก อาการเหมือนจะมีประจำเดือนเลยค่ะ ทั้งตกขาวมาเยอะ หนักหน้าอก กินเยอะ หรือเป็นผลมาจากยาเฉยๆคะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

1 เมษายน 2557 03:10:11 #3

โดยสรุปแล้ว เท่าที่หมอเข้าใจนั้น มีการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน และ หลังจากที่เลือดออกก็ต่อมาทานยาเม็ดยาคุมกำเนิดรายเดือนต่อเลย ประกอบกับตกขาว หมอขอสรุปดังนี้ครับ

1. ในเรื่องของตกขาวนั้น จากอาการลักษณะดังกล่าวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชู่เปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ ปกติแล้วจะหาย ไม่ค่อยดื้อยา แต่หากเป็นบ่อยๆ คือ ประมาณ 4 ครั้งต่อปีขึ้นไปนั้น มักจะพบได้บ่อยในผู้ที่ทานยาปฎิชีวนะนานๆทานยากดภูมิคุ้มกัน ทานยาประเภทสเตียรอยด์ สตรีตั้งครรภ์ หรือ วัยหมดประจำเดือนครับ หากในวัยช่วงอายุ 20-40 ปี มักจะสัมพันธ์กับความอับชื้นบ่อยๆ เป็นเวลานานๆครับ ถ้าหากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ

2. ในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ ซึ่งเลือดที่ออกมานี้ อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ

3. โดยปกติแล้วหลังจากทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงซ้ำอีก อาจใช้ถุงยางอนามัยหากจำเป็นจริงๆ และ การทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผงรายเดือนต่อไปเลย อาจทำให้ประจำเดือนไม่มาในช่วงที่ทาน ทำให้สับสนได้ว่า ประจำเดือนที่ไม่มาเกิดจากผลของยาหรือตั้งครรภ์นะครับ ดังนั้น หมอแนะนำ หากทานไปแล้ว ก็ให้ทานต่อไปจนหมดแผง หากประจำเดือนไม่มาในรอบที่ควรจะมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยนะครับ