กระดานสุขภาพ

มนุษย์ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นไปได้หรือไม่มีนมให้ลูกกิน?
Anonymous

30 กรกฎาคม 2558 14:47:45 #1

คำถามนี้ก็เพื่อส่งต่อ ความปรารถนาดี และส่งเสริมให้ แม่มือใหม่ ได้มีกำลังใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือ เรื่องมีอยู่ว่าสงสัยค่ะว่า ทำไมคนถึงเชื่อว่า การผ่าตัดคลอดจะไม่ค่อยมีนมให้ลูก คือมีประสบการณ์ผ่าคลอดเหมือนกัน ตัวเองก็มีปัญหาคือ ตอนวันสองวันแรก ยังถูกงดน้ำงดอาหาร จะน้ำนมไม่ค่อยออก ช่วงวันสองวันแรก แต่ตัวเองนั้นมีความเชื่อในธรรมชาติว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต้องมีนมสิ จึงกัดฟันให้ลูกดูดนมให้ได้มาถึงห้องพักฟื้นก็เอาลูกมาเลี้ยงเลยถึงแม่จะเจ็บแผล(แต่ให้พยาบาลช่วยเสริมนมบ้างตอนไม่ไหว แต่ก็สู้ต่อ)ตอนนี้ก็ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่  แต่เพื่อนหลายคนที่รู้มาคือ นมมาแต่น้อยหรือไม่มาเลยท้อเพราะลูกร้อง เลี้ยงนมผงไปเลยเพราะเข้าใจว่าจะไม่มีนม เลยอยากจะให้คุณหมอ พูดถึงปัญหาที่พบ และให้คำตอบกับผู้หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ได้เข้าใจว่า คนที่คลอดลูกจะไม่มีน้ำนมให้ลูกกินหรือ? แนะนำวิธีเพื่อจะได้มาซึ่งความสำเร็จสำหรับคนตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 

ชอบเว็บ www.haamor.com มากให้คำตอบโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ

ขอขอบคุณ ผู้ที่กำเนิดเว็บนี้

อายุ: 30 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.04 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

2 สิงหาคม 2558 15:22:45 #2

โดยธรรมชาติหลังคลอดบุตรคุณแม่ทุกคนจะต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สมัยเดิมไม่มีนมผสมเราก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตลอด เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าลูกไม่ได้ดูดนมแม่ก็จะไม่มีอาหารอื่นให้ทาน ดังนั้น แม่จะต้องกัดฟันพยายามเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนประสบความสำเร็จ น้ำนมแม่อาจจะมาช้าบ้าง น้อยบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมาอยู่ดี เพราะเป็นธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่จะต้องกระตุ้นให้สร้างหรือผลิตน้ำนมแม่ได้ตามธรรมชาติ น้ำนมจะไหลได้ดีเมื่อมีการกระตุ้นให้ทารกได้ดูดนมบ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง ดูดเร็วในช่วงหลังคลอดทันที และดูดอย่างถูกวิธีคืออมหัวนมให้ลึก ปัจจัยลบที่อาจจะทำให้น้ำนมไหลได้ช้าเพราะความเจ็บปวดแผลจากการผ่าตัดคลอดหรือการคลอดเองที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ตกเลือด แผลมีการฉีกขาดรุนแรงมาก เนื่องจากความเจ็บปวดอาจจะเป็นส่วนที่ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนที่จะกระตุ้นการหลั่งน้ำนม แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณแม่มีเจตนาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็ตาม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างดียิ่ง เพราะคุณแม่จะพยายามเอาลูกมากระตุ้นในการดูดนม พยายาม rooming in คือเอาลูกมาเลี้ยงเองตลอด ไม่ฝากพยาบาลเลี้ยงในขณะที่อยู่โรงพยาบาล พูดง่ายๆ คือ ไม่ขี้เกียจเลี้ยงลูก จะต้องเลี้ยงตลอด 24 ชั่วโมง ตีอ2 ตี 3 ก็ต้องเลี้ยงเอง เอาลูกมากระตุ้นดูดเอง แต่ปัจจุบัน มีคุณแม่ที่มีความคิดเช่นนี้มีน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะเหนื่อย เจ็บแผล ซึ่งก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนัก แม้ว่าจะผ่าตัดคลอด เพราะแผลผ่าตัดคลอดก็ไม่ได้เจ็บกว่าคลอดเองนานมาก เพียง 1 วันเท่านั้น คุณแม่สามารถใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการได้ บ้างก็คิดว่า เอาน่านอนโรงพยาบาลอีกแค่ 3-4 วันเดี๋ยวก็กลับบ้าน จะไม่มีคนช่วยเลี้ยงเหมือนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ขอสบายไว้ก่อน ซึ่งคุณแม่ได้พลาดช่วงโอกาสทองไป เพราะน้ำนมแม่จะไหลได้ดีที่สุดในช่วง 3-4 วัน แรกที่นำลูกมากระตุ้นบ่อยๆ นั่นเอง ถ้าขาดการกระตุ้นในช่วงที่สำคัญนี้ น้ำนมก็จะหยุดไหลหรือออกได้น้อยไปเลย คุณแม่ควรดื่มน้ำให้มาก ทานอาหารที่อาจจะช่วยในการกระตุ้นการสร้างน้ำนม เช่น เแกงเลียง น้ำขิง เป็นต้น องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้คุณแม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้จนถึง 2 ปี ไม่ต้องใช้นมผสมช่วยเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ เพียง 6 เดือนก็เพียงพอ คุณแม่ยังสามารถบีบนมเก็บไว้ในช่อง freeze ได้นานถึง 3 เดือน และแช่ตู้เย็นช่องปกตินาน 24 ชั่วโมง แต่ถ้านมอยู่ในอุณหภูมิห้องก็จะต้องกินมื้อต่อมื้อเท่านั้นค่ะ ขออวยพรให้คุณแม่ทุกคนที่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทุกคนนะคะ แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็ตาม เช่น มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่ไม่สามารถให้ลูกดูดนมแม่ได้ ก็อย่ากังวลเกินไป การเลี้ยงลูกด้วยนมผสมก็จะทำให้ลูกแข็งแรงได้เช่นกัน คุณแม่ทุกท่านมีทางออก ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับตนเองทั้งสิ้น ไม่มีใครผิดใครถูก สู้ๆ ค่ะ