กระดานสุขภาพ

ทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดสองก่อนเวลาจะท้องใหม? ช่วยตอบทีครับ
Anonymous

3 สิงหาคม 2559 21:56:11 #1

คือผมมีไรกับแฟนแต่นิ้วผมน่าจะโดนอสุจิแล้วเผลอเอาไปแหย่ช่องคลอด หลังจากนั้น24ซม กินยาคุมฉุกเฉินเวลา16.31 ซึ่งปกติต้องกินภายใน12ซม. จะต้องกินเวลาตี4.31แต่แฟนผมกินเม็ดที่สองเวลาตี4.15ก่อนเวลาประมาณ15นาที อยากทราบว่ากินเกินเวลาจะท้องไหมครับ?
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

13 สิงหาคม 2559 12:32:45 #2

เรียน คุณ b09e3
ก่อนตอบคำถามของคุณ หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน และจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ หากแฟนคุณไม่สะดวกในการรับประทานยาคุมกำเนิด แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย เพื่อช่วยในการคุมกำเนิด และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ตับอักเสบชนิดบี/ซี หรือไวรัสเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่ / มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย
กลับมาที่คำถามของคุณ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในทางการแพทย์ ใช้ต่อเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดปกติได้ เช่น เมื่อถูกข่มขืนและไม่ต้องการตั้งครรภ์ หรือถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม (ซึ่งในทางปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องผ่านการทดสอบเหมือนอุปกรณ์ทางการแพทย์
โดยการเก็บรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรเก็บในที่ร้อนหรือแสงแดดส่องถึง ไม่ถูกกดทับเป็นเวลานาน (กระเป๋าสตางค์) การเลือกขนาดที่ถูกต้อง ไม่เล็กจนคับแน่น หรือใหญ่เกินจนหลวมหลุดง่าย
การสวมใส่อย่างถูกต้อง ต้องบีบปลายที่เป็นกระเปาะเก็บอสุจิให้แน่นขณะสวมไส่ เพื่อไม่ให้มีฟองอากาศอยู่จนทำให้แตกได้ง่าย ต้องสวมขณะอวัยวะเพศแข็งตัว (อาจให้แฟนมีส่วนร่วมในการสวมใส่)
สารหล่อลื่นต้องใช้เป็นสูตรน้ำเท่านั้น ห้ามใช้ครีม โลชั่น หรือขี้ผึ้ง เนื่องจากอาจทำให้ฉีกขาดได้
การถอดออกต้องถอดขณะที่อวัยวะเพศยังไม่อ่อนตัว โดยใช้ กระดาษทิชชู่พันรอบโคนอวัยวะเพศ แล้วค่อย ๆรูดออก ไม่ต้องนำไปทดสอบใส่น้ำให้วุ่นวายนะครับ)
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรนำมาใช้แทนยาคุมกำเนิดทั่วไป เนื่องจากความเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงกว่าชนิดปกติทั่วไป (ฉุกเฉิน 8-15 เปอร์เซ็นต์ ชนิดปกติ คือน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และระดับฮอร์โมนเพศของยาคุมฉุกเฉินสูงกว่าชนิดปกติ คือ 1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ คือ 50-75 ไม่โครกรัม
- การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบที 1 คือให้รับประทานยาเม็ดแรกทันที แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก (ยิ่งนาน ยิ่งเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์) จากนั้นอีก 12 ชั่วโมงให้รับประทานยาเม็ดที่สอง ข้อดีของวิธีนี้ คิอ อาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด แน่นท้องจะน้อยกว่าอีกวิธี และหากมีเพศสัมพันธ์อีก ก่อนรับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องมีการรับประทานยาเพิ่ม
ข้อเสีย คือ อาจลืมรับประทานยา เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้
- วิธีที่ 2 คือให้รับประทานยาพร้อมกัน สองเม็ด ทันที (แต่ไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง ของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก) ข้อดี คือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยา แต่ข้อเสียสลับกับวิธีแรก คือ อาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง จะมากกว่า และหากมีจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์อีกหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้ว ต้องใช้วิธีการที่ไม่ใช้ฮอร์โมนเพศแทน เช่นการสวมถุงยางอนามัย หรือการใส่ห่วงคุมกำเนิดชนิดเคลือบฮอร์โมนแทน
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรใช้เกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก (จากกลไกการออกฤทธิ์ของยา) จนอาจเกิดการตกเลือดภายในช่องท้องจนเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ พบว่าสตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆได้สูงกว่าสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติหรือไม่เคยรับประทานยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่นมะเร็งเต้านม รังไข่ มดลูก ตับ หรือสมอง เป็นต้น
ส่วนคำถามของคุณ ประสิทธิภาพน่าจะใกล้เคียงกันนะครับ เนื่องจากเวลาคลาดเคลื่อนไปไม่มาก ไม่ได้เป็นช่ั่วโมง ๆ
สิ่งที่ควรปฏิบัติในการใช้ยาครั้งต่อไป คือ อ่านฉลากและทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนเริ่มต้นใช้ยาใด ๆ เนื่องจากอาจไม่ได้รับผลในการรักษา หรืออาจเกิดอันตรายจากการใช้ยาไม่ถูกต้องได้
และถ้ามีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านนะครับ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้้าไม่ทันการ เสียงต่อการเกิดอันตรายจากการใช้ยาไม่ถูกต้องได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่่
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์