กระดานสุขภาพ

แพ้b*
Aewa*****w

9 กรกฎาคม 2558 17:48:15 #1

เนื่องจากได้รับการรักษาสิวจากคลีนิกอยู่ระยะหนึ่ง จนสิวหายเป็นปกติ แต่มีเหตุต้องย้ายที่อยู่จึงไม่สะดวกรักการรักษาต่อ จึงค่อยๆหยุดใช้ยาที่ละตัว ก็มีสิงขึ้นบ้างเล็กน้อย จึงได้ข้อมูลในโซเซียลว่า ใช้b* แล้วดี จึงได้ไปซื้อที่ร้านขายยาแต่เปฺนตัว5% ใช้ได้สัก2-3วัน เริ่มมีการแสบหน้า ร้อนหน้า แดงและผิวลอก แต่ก็ทนใช้ไปอีก2วัน จนวันสุดท้ายทนไม่ไหว เพราะอาการรุนแรงมากแสบร้อนไปหมด ผิวหน้าลอกแดงมาก จึงอยากถามคุณหมอว่าจะรักษาอย่างไรต่อไปดี แล้วควรใช้ยาตัวไหนที่รักษาสิวค่ะ
อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.14 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

13 กรกฎาคม 2558 14:17:50 #2

เรียน คุณ aewaew,

ก่อนอื่น สิวมีหลายประเภทนะครับ ทั้งชนิดที่เกิดจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุล เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือสิวที่เกิดจากเชื้อรา หรือสิวที่เกิดจากสารสเตียรอยด์ที่แอบปนในเครื่องสำอางที่ลักลอบขายตามอินเตอร์เน็ตหรือตลาดนัด ดังนั้นวิธีการรักษาในแต่ละชนิดย่อมไม่เหมือนกัน วิธีที่บางคนใช้แล้วได้ผล อาจไม่เหมาะสมกับคุณก็เป็นได้

- ตัวยาที่คุณสอบถามมานั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ benzoyl peroxide คุณสมบัติเป็นสารที่ปลดปล่อยออกซิเจนเข้มข้น (คล้ายกับชนิดทีใช้ในน้ำยาทำความสะอาดแผล ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ หรือชนิดเข้มข้น 6 หรือ 9 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ในน้ำยาย้อมผมบางยี่ห้อ)

- มีคุณสมบัติในการละลายสิวที่อุดตัน และช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว P. acne

- ตัวยามีหลายความแรง ตั้งแต่ 2.5, 5 และ 10 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของสิวอุดตันและความทนต่อยาได้ของผู้ใช้

- อาการไม่พึงประสงค์ทีอาจพบได้แก่ อาการระคายเคืองบริเวณที่ทายา พบได้ตั้งแต่แห้ง แดง ลอก ในบางรายที่ผิวบอบบาง ไวต่อสารกระตุ้นอาจถึงกับไหม้เป็นรอยดำได้

- ข้อเสียอื่นๆ เนื่องจากปลดปล่อยออกซิเจนเข้มข้น อาจทำให้เป็นรอยดำที่ทายาได้ เมื่อสิวแห้งแล้ว นอกจากนั้น ต้องระวังหากสัมผัสกับเสื้อผ้าอาจทำให้สีตกได้ สีด่างได้ ในบางสูตรอาจมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมเพื่อช่วยเรื่องประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดความมันของผิวบริเวณที่ทา จึงยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองได้มากขึ้น จึงควรเลือกเป็นสูตรน้ำ

ดังนั้น แนะนำในช่วงนี้ควรหยุดใช้ยานี้ชั่วคราว ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาอาการแดง แห้ง ระคายเคืองให้ทุเลาลงก่อน จึงค่อยเริ่มต้นการรักษาสิวใหม่

หากยังต้องการจะใช้ยานี้อยู่ ให้ทาทิ้งไว้เพียง 5 นาทีแล้วล้างออก หรือหากมีอาการแสบร้อนก่อนครบเวลาให้ล้างออกก่อนได้ ควรงดผลิตภัณฑ์หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะเสริมให้อาการระคายเคืองรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ควรล้างทำความสะอาดผิวให้หมดจด โดยหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน ขี้ผึ้ง

- รับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่ายและสารต้านอนุมูลอิสระ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์ ที่พบมากในอาหารจำพวกอบ ทอด และอาหารที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากพบว่าทำให้ผิวที่อักเสบมีรอยแดง หายยาก และมักเป็นรอยแผลเป็น

- ออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ และวันละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด และช่วยกำจัดของเสียออกทางเหงื่อ

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากหากนอนน้อย จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด มีการหลั่งฮอร์โมนเครียด - คอร์ติซอล ซึ่งเป็นสารจำพวกสเตียรอยด์ ทำให้เกิดผิวมัน ผมร่วง บวมน้ำ คอลลาเจนที่ผิวหนังถูกทำลาย และพยายามเข้านอนก่อนเวลา 23.00 น. เนื่องจากช่วงเวลา 12.00 - 02.00 น. ที่ร่างกายหลับลึก จะมีการหลั่ง Growth Hormone จากต่อมใต้สมอง นอกจากช่วยเรื่องการเจริญเติบโตแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้อีกด้วย

ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร "ก่อน" เริ่มต้นใช้ยาใด ๆ เนื่องจากหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอันตรายถาวร หรือถึงกับเสียชีวิตได้ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บที่อาจช้าไม่ทันการ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ สิวอุดตัน (Comedone) พญ.ชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล แพทย์ผิวหนัง