กระดานสุขภาพ

การใช้ยา ketopac ketoconazole 200 mg. (tablets)
Anonymous

27 มีนาคม 2557 04:18:47 #1

เคยทานยา ketopac ketoconazole 200 mg. (tablets) รับประทานตอนเช้า 2 เม็ด/วัน ตามคุณหมอจัดให้รับทานเมื่อ 2 เดือนก่อน (ยาหมดแล้ว)

แต่กลางเดือนนี้มีอาการเชื่อราในช่องคลอดอีกไม่มีเวลาไปหาคุณหมอ  เลยไปร้านยาเพื่อหายาketopac ketoconazole 200 mg. (tablets) แต่แพ็กยาไม่เหมือนที่คุณหมอจัดให้ แต่ชื่อเหมือนกันทุกประการ สิ่งที่ผิดแปลกไปคือ หน้าซองให้รับทาน 1 เม็ดตอนเช้า /วัน หลังอาหาร  

อยากทราบควรรับประทานยังไงค่ะ  จะกินตามคุณหมอเคยจัดให้ทาน 2 เม็ด/วัน หลังอาหารเช้า หรือ ควรกินตามเภสัชร้านยาจัดให้ค่ะ 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/f54f9-11254.jpg

อายุ: 32 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.89 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

27 มีนาคม 2557 09:08:35 #2

แก้ไขคำถามด้านบนค่ะ

จากกระทู้แรกนึกว่าชื่อยาเหมือน เพราะชื่อยาคล้ายๆกันค่ะ 

ยาจากคุณหมอ ชื่อ ketopac ketoconazole 200 mg. (tablets) (10 เม็ด) กิน 5 วัน / 2 เม็ด : 2วัน

 

ยาจากเภสัช ชื่อ ketotop ketoconazole 200 mg. (tablets) (10 เม็ด)  กิน 10 วัน / 1 เม็ด  : 1 วัน

ยา 2 ทั้ง  กินยาต่อเนื่องนานจะมีปัญหาเกี่ยวกับตับด้วยหรือเปล่าค่ะ

 

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

28 มีนาคม 2557 02:45:45 #3

เรียน f54f9,

กรณีที่มีการติดเชื้อราในช่องคลอด แนะนำให้รับประทานตามที่แพทย์เคยสั่งให้จะดีกว่านะครับ เนื่องจากจะลดระยะเวลาในการรับประทานยาลงได้ หากรับประทานตามที่ร้านยาให้ จะต้องรับประทานยานาน โอกาสที่เชื้อจะดื้อยาจะสูงกว่า
การรับประทานยาระยะสั้น ๆ เพียง 1-2 ครั้ง ยังไม่พบว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อตับนะครับ แต่คุณควรหาสาเหตุว่าทำไมถึงได้เป็นซ้ำบ่อย ๆในระยะเวลาอันสั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้ออีก จะได้ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาต้านเชื้อราบ่อย ๆ ทั้งเรื่องการดูแลความสะอาดเฉพาะจุด หรือ สุขอนามัยของชุดชั้นใน ภาวะอ้วน เบาหวาน พยายามเปลี่ยนกางเกงในบ่อย ๆ อย่าให้เปียกชื้นนาน

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นพวกผักสด ผลไม้ ไม่เน้นที่มีรสหวานจัด เนื่องจากเชื้อโรคชอบ เสริมด้วยโยเกิร์ต ชนิดที่มีเชื้อนะครับ พวกที่เป็นกล่อง UHT ผสมน้ำผลไม้ไม่เอา เพื่อเพิ่มปริมาณเชื้อประจำถิ่น ซึ่งเป็นเชื้อดี กันไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย ไม่ล้างภายในช่องคลอดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งมีฤทธิ์แรง เนื่องจากเชื้อประจำถิ่น ซึ่งช่วยป้องกันเชื้อราจะถูกกำจัดไปด้วย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก และเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ภูมิต้านทานจะได้แข็งแรง ไม่ติดเชื้อง่าย

หากปฏิบัติตามที่แนะนำแล้ว ยังมีอาการติดเชื้อบ่อย ๆ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่นอนอีกครั้ง จะได้รักษาที่ต้นเหตุครับ

ขอเสริมด้วยว่ายา ketoconazole นี้ต้องรับประทานยาหลังอาหารมื้อใหญ่ทันที เนื่องจากต้องอาศัยกรดและน้ำย่อยในการช่วยละลาย ซึ่งหากยาละลายไม่ดี ตัวยาก็จะดูดซึมไม่ได้ ไม่ควรรับประทานยาพร้อมนมหรือยาลดกรดเคลือบกระเพาะ ยานี้มีปฏิกิริยาระหว่างยาอื่นค่อนข้างมาก ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยายาตีกัน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Anonymous

28 มีนาคม 2557 04:47:47 #4

ปฏิบัติดีทุกอย่างแล้วค่ะ แต่เดือนนี้กินมะยมชิดเกือบทุกวันค่ะ คงทำให้อาการติดเชื้ออีก ก่อนหน้าเหน็บยาไกไตร

อาการตกขาวเชื้อราเป็นเวลาเกือบร่วม 4 ปี หลังการผ่าตัดกระดูกทับเส้นประสาทเพราะได้รับการฉีดยาแก้อักเสบทุกวัน เช้า-เย็น เป็นเวลา 8 วัน  และไม่สามารถลูกเดินจากเตียง การทำชำระล้างร่างกาย(ตรงช่องคลอด)ก็ไม่สะอาด มีกลิ่นอับ หลังจากนั้นน้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ จาก 48 จน ถึง 55 น้ำหนักปัจจุบันอยู่ภาวะอ้วนค่ะ แต่ไม่เคยตรวจโรคเบาหวาน ญาติสนิทเป็นโรงเบาหวาน 2 คน และเสียไปแล้ว 1 คน อีกคนลูกพี่ลูกน้องเป็น 3 ปี อายุเท่ากันค่ะ ไม่รู้เกี่ยวกับกรรมพันธุ์หรือเปล่า พ่อ แม่ ไม่มีภาวะเป็นเบาหวานนะคะ

แต่เมื่อวานซืน เหน็บยาgynosten 500 mg  กินยาFluconazole ขนาดจำไม่ได้แล้ว และ ketotop ketoconazole 200 mg. คงต้องเลิกกินยา ร้านยาแล้วกลัวดื้อยา  ตกขาวเชื้อราสามารถหายขาดได้มั้ยค่ะ ถ้าไม่มีภาวะเบาหวาน

 

ขอบคุณค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

30 มีนาคม 2557 13:56:14 #5

เรียน คุณ f54f9,

ขออนุญาตตอบคำถามเป็นข้อๆนะครับ

1. โรคเบาหวานเกี่ยวกับกรรมพันธุ์ด้วยครับ ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากมีปัญหาตกขาวบ่อย ๆยิ่งควรตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยครับ

2. ยาที่คุณใช้ไปเป็นยาที่ใช้ในการรักษาเชื้อรา เหมือนกัน เลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการใช้ยาซ้ำซ้อน ทำให้ร่างกายต้องได้รับยาโดยไม่จำเป็น ทางการแพทย์นิยมใช้จากยาสอดช่องคลอดก่อนนะครับ ถ้าไม่ได้ผลจึงจะปรับมาเป็นยา ketoconazole ถ้าไม่ได้ผลจึงจะขยับมาเป็น fluconazole ครับ ส่วนที่คุณจะเลิกรับประทานยาจากร้านยา กลับยิ่งกลายเป็นการส่งเสริมให้เกิดเชื้อดื้อยาขึ้นได้ ควรปรับเป็นรับประทานตามที่แพทย์สั่งจะดีกว่าครับ เพื่อลดปริมาณเชื้อโดยเร็ว

แนะนำให้ปรึกษาร้านยาที่มีเภสัชกรประจำ จะแนะนำได้ดีกว่า

หากปฏิบัติดังคำแนะนำแล้ว ยังเกิดอาการบ่อย ๆแนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง การฟอกล้างสะอาดเกินไป ก็จะกลายเป็นการกำจัดเชื้อประจำถิ่น ส่งเสริมให้เชื้อราเจริญดีขึ้น จนอาจเป็นสาเหตุของโรคเชื้อราในช่องคลอดบ่อย ๆ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล