กระดานสุขภาพ

เป็นเหมือนตุ่มบวมขึ้นมา กดเจ็บ บริเวณขนอวัยวะเพศ
Anonymous

17 มกราคม 2557 15:51:07 #1

เป็นเหมือนตุ่มบวมขึ้นมา กดเจ็บ บริเวณขนอวัยวะเพศครับ เคยเป็นหลายครั้งแล้วครับ ปกติก็เป็นเป็นหนองแตกออกมาแต่ก็ยังเป็นเหมือนก้อนแข็ง ๆ อยู่ใต้ผิวหนังอะครับ อยากทราบว่าเป็นโรคอะไร และสาเหตุด้วยครับ

อายุ: 16 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 170 กก. ส่วนสูง: 61ซม. ดัชนีมวลกาย : 456.87 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

19 มกราคม 2557 14:18:42 #2

มีตุ่มที่หัวหน่าว แถวๆขน และมีหนองด้วย เป็นๆหาย น่าจะเกิดจากโรคผิวหนังทั่วไปหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงทางเพศ ในกรณีของคุณ อายุ 16 น่าจะยังไม่มีความเสี่ยง อาจเป็นรูขนอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียทั่วๆไปที่อยู่ตามผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว รักษาโดยการกินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 500 มิลลิกรัม ก่อนอาหารและก่อนนอน หรืออาจเป็นโรคผิวหนังแพ้ ระคายเคือง มีอาการคัน เกาจนติดเชื้ออักเสบ

แต่ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น เที่ยวผู้หญิง มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง อาจเป็น

1. หูดหงอนไก่ จากเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) เป็นติ่งเนื้อออกสีชมพู มีลักษณะเป็นคอกเล็กๆคล้ายหงอนไก่หรือดอกกระหล่ำ รักษาโดยการจี้ยา หรือจี้ไฟฟ้า เลเซอร์

2. หูดข้าวสุก เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum เป็นตุ่มมีรอยบุ๋มตรงกลาง บีบดูจะมีสารสีขาวขุ่นคล้ายข้าวสุก รักษาโดยการบีบเอาสารตรงกลางตุ่มออก แล้วทายาฆ่าเชื้อ

สรุป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและลักษณะของตุ่ม แนะนำหาหมอผิวหนังหรือให้ประวัติทางเพศและส่งรูปถ่ายมาด้วย

 

นพ. อนุพงศ์

Anonymous

19 มกราคม 2557 14:54:13 #3

รู้สึกว่าจะโรคผิวหนังแพ้ ระคายเคือง มีอาการคัน เกาจนติดเชื้ออักเสบครับ เพราะว่าก่อนจะเป็นก็เกาบ่อย ๆ แล้วสามารถปล่อยให้หายเองได้มั้ยครับ หรือรักษาโดยการกินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 500 มิลลิกรัม ควรจะกินกี่เม็ดครับ ตุ่มไม่บวมมาก แต่ข้างในเหมือนมีหนอง เป็นมา 2-3 วันแล้วครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 มกราคม 2557 05:07:05 #4

การกินยาอักเสบโดยทั่วไปต้องกินจนกว่าจะหายสนิท คือประมาณ 14 วัน ยา dicloxacillin ให้กินครั้งละ 500 มิลลิกรัม (1 เม็ด) แต่ถ้าเป็นแคบซูลขนาด 250 มิลลิกรัมก็ต้องกินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง คือ ก่อนอาหารและก่อนนอน แต่ถ้ากินแล้วไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง อาจมีการดื้อยา หรือการวินิจฉัยโรคผิด ต้องหาหมอผิวหนัง

นพ. อนุพงศ์