สอบถามเพิ่มเติมถึงลักษณะงานที่ทำค่ะ มีแช่น้ำสารเคมี หรือใส่ถุงมือเป็นเวลานานหรือไม่

ที่โคนเล็บทั้งสองข้างกดเจ็บหรือไม่ ส่วนตุ่มที่ฝ่ามือสัมพันกับงานที่เกิดการเสียดสีที่ฝ่ามือมากหรือไม่คะ เช่น ยกน้ำหนัก

งานที่ผมทำ เป็นงานวิจัย ซึ่งทำแค่ครั้งเดียวนะครับ

โดยตอนทำงาน ได้ใส่ถุงมือผ้า จากนั้นได้ใช้กระดาษทรายถูผิวงาน

จากนั้นได้ใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บ ซึ่งเป็นชนิดที่คล้ายกรดอะซิโตน เช็ดผิวงาน

จากนั้นถอดถุงมือแล้วใช้กาวชนิดพิเศษ ลักษณะคล้ายกาวตราช้างแต่แข็งกว่าติดอุปกรณ์

ซึ่งมือได้สัมผัสโดนบ้างเล็กน้อย

และเม็ดทั้งหมดสัมผัสแล้วไม่มีอาการเจ็บหรือคันครับ

ผมไม่อยากไปหาหมอ กลัวจะเสียเงินป่าวๆ นะครับ

ถ้ารอยโรคที่เกิดขึ้นเกิดตามมาหลังจากการวิจัยที่ได้สัมผัสสารเคมี สรุปก็น่าจะเกิดจากการระคายเคืองจากสารเคมีได้ค่ะเรียกว่า

Irritant contact dermatitis ผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นตัวกรดอะซิโตนเพราะมีคุณสมบัติทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้

การรักษาคือ เมื่อสัมผัสสารก็รีบล้างออก หากมีผิวหนังอักเสบผื่นคันตามมากก็ใช้้เป็นยาสเตียรอยความเข้มข้นปานกลางทา จัวยาที่คุนทามีสเตียรอยอยู่แล้วไม่ต้องซื้อยาใหม่ค่ะเป็นการรักษาตามอาการเพราะ เมื่องดการสัมผัสสารระคายเคมีแล้วอาการจะค่อยดีขึ้นเอง อีกสิ่งสำคัญคือระวังอย่าให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเช่นเป็นที่ของเล็บก็พยายามอย่าลอกแกะเนื้อเล็บเพราะจะทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้ อาการติดเชื้อแบคทีเรียสังเกตได้จากอาการบวมกดเจ็บและอาจมีหนองค่ะถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงต้องทานยาปฏิชีวนะ
สรุปคือ

• ยาที่มีอยู่ใช้ทาผื่นได้ถ้ามีอาการคันค่ะ ถ้าไม่คันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทา
• ระมัดระวังในการสัมผัสสารเคมีครั้งต่อไปค่ะ
• สังเกตอาการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนคือแดงร้อนเจ็บอาจมีหนอง
• ไม่ลอกแกะหนังที่หนาออกมาหรือขอบเล็บ

หากมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไรแนะนำให้ไปพบคุณหมอผิวหนังให้ช่วยเช็คให้อีกทีนะคะ

ขอบคุณ คุณหมอชลธิรศน์ มากครับ น่ารักด้วย ^^