กระดานสุขภาพ

ไม่รู้เป็นอะไร
Weer*****

20 เมษายน 2556 07:18:57 #1

สวัสดีครับ มีเรื่องมาปรึกษาคุณหมอกหน่อยครับ ผมอายุ 20 ปี นะครับ มีข้อสงสัยว่าเวลาผมโดนยุงกัด มดกัด แผลทำให้ไม่หายครับ กลายเป็นตุ่มขึ้นมา สีดำๆ แข็ง ๆ ไม่หายสักที เคยไปหาหมอมาหลายครั้งก็ได้ยามาทา แต่ก็ไม่หายสักที อยากรู้ว่าเป็นอะไรครับ ก่อนหน้านี้ผมไปผ่าตัดซีสต์มา เป็นซีสต์บริเวณผิวหนัง บริเวณ รักแร้ หน้าอก แขน หมอบอกว่าเป็น steatocystoma multiplex ซึ่งมันเยอะมากครับ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่อีกมาก เหมือนกับว่ามัน  เยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมันออกบริเวณถุงอัณฑะ 1 เม็ด ผมควรจะเอาออกไหมครับ เพราะตอนนั้นหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องเอาออกก็ได้ ไม่อันตราย แต่ผมอยากทราบว่า มีวิธีการรักษาให้หายขาดไหมครับ

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.52 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ผศ.นพ. จรูญ เจตศรีสุภาพ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา

28 เมษายน 2556 16:19:31 #2

คุณ Weerayoot เป็นตุ่มแพ้ยุงกัด แพ้มดกัด การแพ้ยุง แพ้มดเป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารโปรทีน เอนไซม์ และสารพิษที่ยุง หรือมด ปล่อยเข้าใต้ผิวหนังเมื่อถูกยุงกัด หรือมดกัด สารเคมีเหล่านี้ทำให้เป็นผื่นลมพิษขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 1 ซม. เรียกว่า papular urticaria ตรงที่บวมผิวหนังมีสีซีด ผิวรอบๆมีสีแดง เนื่องจากหลอดเลือดฝอยขยายตัว หากปฏิกิริยาแพ้มากจะมีน้ำเหลืองแทรกซึมจากหลอดเลือดฝอย ทำให้เป็นตุ่มนูน และหากปฏิกิริยาแพ้รุนแรง จะทำให้ผิวหนังบริเวณถูกกัดอักเสบบวมเป็นตุ่มน้ำ

ตุ่มยุงกัด มดกัดมีอาการคันมาก

บางครั้งมีการเกิดผื่นคันที่ผิวหนังส่วนอื่น (ที่ไม่ถูกกัด) พร้อมๆกันด้วย อย่างนี้เรียกว่า ปฏิกิริยาแพ้แมลง insect bite reaction

รอยโรคมักเกิดที่แขนขาด้านนอก ใบหน้า คือ ส่วนที่เสื้อผ้าปลุกคลุมไม่ถึง

อาการตุ่มคันอาจเป็นอยู่หลายชั่วโมง หรือเป็นวันๆ แล้วจึงค่อยๆยุบได้เอง หรืออาจเหลือปฏิกิริยาแพ้อยู่ เป็นรอยสีแดง แล้วจึงค่อยๆหายไป

การที่ผื่นเปลี่ยนสีเป็นรอยคล้ำ เป็นเพราะตุ่มยุงกัด มดกัดมีการอักเสบมาก หรือตุ่มคันมาก เมื่อเราเกาแรงๆ ทำให้การอักเสบที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น เมื่อหายจากการอักเสบ จึงเหลือเป็นรอยสีน้ำตาล จากการที่เม็ดสีเหลือค้างอยู่ที่ชั้นหนังแท้ postinflammatory hyperpigmentation บางครั้งการเกาก็ทำให้ผิวหนังถลอก มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จึงทำให้ผิวหนังอักเสบ และเหลือเป็นรอยสีน้ำตาลคล้ำเช่นกัน

การจะหายจากแพ้ยุงกัด มดกัด ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน ส่วนมากเมื่อร่างกายเริ่มคุ้นกับสารก่อภูมิแพ้ของยุงหรือมด ปฏิกิริยาการแพ้ครั้งหลังๆจะค่อยๆลดลง ไม่รุนแรงเหมือนระยะแรก ทำให้อาการที่เป็นตุ่ม รวมทั้งอาการคันน้อยลง และหายไปรวดเร็ว จึงก่อความเดือดร้อน รำคาญลดลง

แต่เมื่อยังมีการแพ้ยุง แพ้มดอยู่ ก็คงต้องหาวิธีป้องกันก่อน คือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด ด้วยการติดมุ้งลวดทั่วบ้าน หมายถึงประตูบ้าน ครัว ห้องน้ำด้วย เลือกสวมเสื้อผ้าให้คลุมแขน ขา ทาครีมกันยุง ใช้ใบตะไคร้หอมไล่ยุง ส่วนมดกัด ก็ต้องทำบ้านเรือนให้สะอาด ไม่ให้มีเศษอาหาร เศษขนม เครื่องดื่ม นม หกเรี่ยราด ต้องรีบล้างรีบเก็บภาชนะเมื่อกินอาหารเสร็จทุกครั้ง และเมื่อถูกกัดแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นรอยคล้ำอยู่นาน ก็ต้องทายาต้านการอักเสบ คือ ครีมสเตรอยด์ เช่น 1% Hydrocortisone cream, 0.5% Prednisolone cream และกินยาต้านฮิสทามีนเพื่อลดปฏิกิริยาการแพ้ และลดอาการคัน

ส่วนเรื่อง Steatocystoma multiplex คือโรคถุงน้ำของต่อมไขมัน ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง พบได้เมื่อเริ่มเข้าวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน บางคนอาจมีเหตุทางพันธุกรรมในครอบครัว

อาการ เป็นตุ่มหรือก้อนถุงน้ำใต้ผิวหนัง สีเหลือง ไม่คัน มีขนาดเล็กๆ 3-10 มม. ผิวมน เรียบ โค้ง ดูคล้ายก้อนไขมัน มักมีจำนวนหลายตุ่ม ของเหลวภายในถุงน้ำเป็นไขสีเหลืองข้น บริเวณที่พบบ่อย คือ ตำแหน่งที่มีต่อมไขมันและเส้นขนมาก ได้แก่ หนังศีรษะ หน้าอก ลำตัว แขน ขา และถุงอัณฑะ

ปัญหาใหญ่ คือ ตุ่มเห็นได้ชัด ทำให้คนรอบข้างสนใจ เราจึงไม่อยากให้ใครเห็น

แนวทางรักษา ปัจจุบันแพทย์มักเลือกรักษาด้วยเลเซอร์ ยังไม่มีวิธีอื่นที่รักษาหายได้รวดเร็วเลยครับ

Weer*****

19 มิถุนายน 2556 12:19:17 #3

คุณหมอครับแล้วมีความจำเป็นไหมครับว่า เราจะต้องตัด ซีสต์ ประเภทนี้ออก โดยเฉพาะตรงอัณฑะ มันมีแค่ 1 เม็ดครับ ผมอยากถามว่าเรามีวิธีอย่างไรบ้างครับ ในการรักษาตุ่มที่ยุงกัด แล้ว กลายเป็นจุดดำๆ อ่ะครับ