เรียน คุณ f4cda,

หลักการโดยทั่วไป ไม่แนะนำให้รับประทานยาพร้อมผลไม้นะครับ เนื่องจากผลไม้บางชนิดนอกจากมีแป้งแล้วยังมีส่วนประกอบของใยอาหาร ซึ่งบางส่วนสามารถดักจับตัวยาบางประเภทได้ โดยเฉพาะตัวยาที่มีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่หรือมีการละลายค่อนข้างยาก ใยอาหารมีส่วนที่ละลายน้ำได้ เช่น เพคติน และที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ เช่น เซลลูโลส ฯ
ถ้าไม่ได้ระบุเป็นพิเศษ การรับประทานยาก่อนอาหาร ก็ควรรับประทานยาก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาได้ละลายและถูกดูดซึมไปก่อนที่จะมีอาหารลงไปขัดขวาง หรือยาปฏิชีวนะบางชนิดก็ควรรับประทานยาก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการถูกทำลายด้วยกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร แต่ยาบางชนิด ก็อาจให้รับประทานก่อนอาหารทันที เช่น ยาเบาหวาน acarbose ที่ยับยั้งไม่ให้แป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ฯ

ส่วนการรับประทานยาหลังอาหาร ก็ควรรับประทานยาหลังอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้อาหารได้ผ่านกระเพาะอาหารไปบางส่วนก่อน การละลายและดูดซึมยาจะเพิ่มขึ้นได้

ยาบางชนิดก็แนะนำให้รับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพื่อป้องกันการระคายเคืองทางเดินอาหารจากฤทธิ์ของยา เช่น ยาบรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ฯ

ส่วนการรับประทานยา "ทุกชนิด" ควรรับประทานยาด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิด จะทำให้ตัวยาตกตะกอน การดูดซึมยาลดน้อยลง เช่น ชา (ชาเขียว ชาเขียว ชาแดง) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ตพร้อมดื่ม) น้ำนมถั่วเหลือง โซดา น้ำอัดลม ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิด จะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญหรือกำจัดตัวยาส่วนใหญ่ มีการสร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้กำจัดยาเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงสามารถกำจัดตัวยาได้มากหรือเร็วขึ้น เช่น น้ำเกรปฟรุต (จำพวกเดียวกับส้มโอ) น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น

กรณีมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจต้องมีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรืออาจช้าเกินไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์หรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล