กระดานสุขภาพ

ปวดใต้รักแร้ด้านซ้ายครับ
Anonymous

3 พฤษภาคม 2561 17:43:39 #1

คือผมมีอาการแบบนี้อยู่ประมาณ2-3อาทิตแล้วครับ เป็นต่อเนื่องเลย อาการประมาณว่าปวดใต้รักแร้ปวดร้อนๆมีอาการปวดหัวใจร่วมด้วยครับแต่เป็นบางครั้ง ผมลองคลำๆดูมันเหมือนมีลูกกลมๆแข็งๆอยู่ด้วยคับแต่ข้างขวาก้มีนะแต่ข้างซ้ายจะแข็งและใหญ่กว่าผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรครับ อยากถามว่า 1อาการแบบนี้คืออะไรหรอครับ 2มีความเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจหรือมะเร็งมั้ยผมค่อนข้างดังวลครับ 3ควรไปพบแพทมั้ยครับ ขบคุณล่วงหน้าครับ
อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

5 พฤษภาคม 2561 10:39:10 #2

เพิ่มเติมคับ ล่าสุดตอนนี้มีก้อนแข็งๆขึ้นที่กรามซ้ายประมาน1-2ซม กดล้ะเจ็บนิดหน่อย ชอบตอบหน่อยนะคับผมกังวลมากๆเลยตอน
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

5 พฤษภาคม 2561 16:37:08 #3

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (Lymphadenitis) คือภาวะที่เกิดมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อาจเกิดจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆ แล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเกิดการอักเสบตามไปด้วยโดยไม่มีการติดเชื้อในต่อมน้ำเหลือง(เช่น ฟันผุ แล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ), หรือจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองเอง (เช่น วัณโรคต่อมน้ำเหลือง), หรือจากการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองโดยไม่ได้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อก็ได้ (เช่น ในโรคออโตอิมมูน)

ต่อมน้ำเหลือง เป็นเนื้อเยื่อในระบบน้ำเหลือง โดยมีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆ รูปไข่ นุ่ม เคลื่อนที่ได้เล็กน้อย มีขนาดเล็กเป็นมิลลิเมตร ในภาวะปกติมักคลำไม่พบเพราะจะอยู่ปนไปกับเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ ต่อมน้ำเหลืองจะมีกระจายอยู่ทั่วตัวในทุกอวัยวะยกเว้นในสมอง มีหน้าที่สำคัญคือ เป็นตัวดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะเชื้อโรค นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคให้กับร่างกายด้วย

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะที่เกิดจากมีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะใดๆแล้วส่งผลให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงตามมา แต่ไม่มีรายงานความชุกของภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม เป็นภาวะที่พบได้ในทุกวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ และพบได้ในทั้งในเพศหญิงและเพศชายเท่าๆกัน

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ อาจเกิดเพียง ต่อมเดียว, หลายๆต่อมพร้อมๆกัน, ในหลายตำแหน่ง (เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ), และ/หรือ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทั้งนี้ ขึ้นกับสาเหตุ และ/หรือ ตำแหน่งของเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่เกิดการอักเสบ

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้แก่

ก. มีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆ แล้วส่งผลให้เกิดต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ข้างเคียงอักเสบตามไปด้วย โดยไม่มีการติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลือง ซึ่งสาเหตุนี้ เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุดของต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เช่น

การอักเสบของช่องปากและช่องคอจากเชื้อแบคทีเรีย (เช่น เหงือก ลิ้น กระพุ่งแก้มอักเสบ ฟันผุ ต่อมทอนซิลอักเสบ) ซึ่งต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบคือ ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณลำคอ

โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส และ/หรือเชื้อแบคทีเรีย (เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคหัดเยอรมัน) ต่อมน้ำเหลืองที่โตคือ ต่อมน้ำเหลืองที่คอทั้งด้านหน้าและด้านหลังของคอ

การมีการอักเสบหรือแผลที่มือ แขน หน้าอก เต้านม จะส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองรักแร้อักเสบ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ การมีแผล มีการอักเสบของ เท้า ขา และอวัยวะเพศ จะส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบอักเสบ เป็นต้น

ข. มีการติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองเอง ซึ่งอาจเกิดต่อเนื่องมาจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียง เมื่อเนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียงนั้นเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนเชื้อลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองด้วย ซึ่งต่อมน้ำเหลืองที่ติดเชื้อนี้จะมีลักษณะ บวมแดง เจ็บ เป็นหนอง, หรือ เป็นการติดเชื้อโดยตรงของต่อมน้ำเหลืองนั้น ซึ่งการติดเชื้อโดยตรงนี้ ต่อมน้ำเหลืองมักมีการอักเสบ โต หลายต่อมพร้อมกัน และมักมีลักษณะเหมือนสายลูกประคำ เช่น วัณโรคต่อมน้ำ เหลือง หรือ ในโรคเอดส์

ค. ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่สาเหตุไม่ใช่การติดเชื้อ เช่น ในโรคออโตอิมูน, ในโรคมะเร็ง (ลักษณะสำคัญคือ ต่อมน้ำเหลืองจะไม่ค่อยเจ็บและจะโตขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว มักมีขนาดโตมากกว่า 1 เซนติเมตร), ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรือจากการแพ้ยาบางชนิด เช่น ยากันชัก Phenytoin, ยารักษาโรคความดันโรคหิตสูง Atenolol, ยาลดกรดยูริคในเลือดและรักษาโรคเกาต์ Allopurinol เป็นต้น

ง. ประมาณ 0.5 - 1% ของผู้ที่มาพบแพทย์ด้วยต่อมน้ำเหลืองอักเสบ/ต่อมน้ำเหลืองโต แพทย์หาสาเหตุไม่พบ

เมื่อมีต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ โดยที่ต่อมโตขึ้นเรื่อยๆ หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว หรือโตเป็นสายคล้ายสายลูกประคำ ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ