กระดานสุขภาพ

อาการ ต่อมน้ำเหลืองเอกเสบ ปวดใต้รักแร้ ปวดใต้หัวเข่าข้อผับ ไม่มีอาการบวม
Tana*****

30 กันยายน 2560 21:56:28 #1

ตอนแรกไปหาหมอบอกว่า เป็น ติดเชื่อระบบเดินทางหาใจข้างบน แล้วผมไม่หยุดกิน เหล้า เบีย นอนดึก จนไอหนักมาก จนตอนนี้ หมอบอกว่าผมเป็น ต่อมน้ำเหลืองเอกเาบเพราะไอหนัก ตอนนี้ปวด ใต้รักแร้ ปวดใต้หัวเข่าขาผับ แต่ไม่มีอาการบวมนะคับ ไม่ปวดหัว มีไข้นิดๆ ตอนนี้อาการปวดดีขึ้นมากแล้ว ผมอยากรู้ว่าเกิดจากอะไรคับ
อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.94 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

1 ตุลาคม 2560 08:13:22 #2

ถึง คุณ Tanator

ก่อนอื่นทางทีมงานต้องขอความร่วมมือในการตั้งคำถามขอให้โพสเพียงกระทู้เดียวต่อคำถามเรื่องเดียวกันนะค่ะ เกิดอยากแก้ไขอะไรในเนื้อหากระทู้ ขอให้แก้ไขในกระทู้นี้นะค่ะ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตอบ หากตั้งมาหลายกระทู้จะทำให้คุณหมอสับสนได้ค่ะ

Tana*****

1 ตุลาคม 2560 09:44:20 #3

งั้นตอบกระทู้นี้นะคับบ ขอโทษ ด้วยนะคับ คิดว่ามันไม่ขึ้นคับบ
Tana*****

1 ตุลาคม 2560 09:47:10 #4

ช่วยคุณหมอ ช่วยดูให้ด้วยนะคับบผม ตอนนี้ อาการปวดดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอาการบวมใดๆ แต่อยากรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

4 ตุลาคม 2560 08:42:37 #5

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (Lymphadenitis) คือภาวะที่เกิดมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อาจเกิดจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆ แล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเกิดการอักเสบตามไปด้วยโดยไม่มีการติดเชื้อในต่อมน้ำเหลือง(เช่น ฟันผุ แล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ), หรือจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองเอง (เช่น วัณโรคต่อมน้ำเหลือง), หรือจากการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองโดยไม่ได้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อก็ได้ (เช่น ในโรคออโตอิมมูน)

ต่อมน้ำเหลือง เป็นเนื้อเยื่อในระบบน้ำเหลือง โดยมีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆ รูปไข่ นุ่ม เคลื่อนที่ได้เล็กน้อย มีขนาดเล็กเป็นมิลลิเมตร ในภาวะปกติมักคลำไม่พบเพราะจะอยู่ปนไปกับเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ ต่อมน้ำเหลืองจะมีกระจายอยู่ทั่วตัวในทุกอวัยวะยกเว้นในสมอง มีหน้าที่สำคัญคือ เป็นตัวดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะเชื้อโรค นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคให้กับร่างกายด้วย

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะที่เกิดจากมีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะใดๆแล้วส่งผลให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงตามมา แต่ไม่มีรายงานความชุกของภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม เป็นภาวะที่พบได้ในทุกวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ และพบได้ในทั้งในเพศหญิงและเพศชายเท่าๆกัน

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ อาจเกิดเพียง ต่อมเดียว, หลายๆต่อมพร้อมๆกัน, ในหลายตำแหน่ง (เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ), และ/หรือ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทั้งนี้ ขึ้นกับสาเหตุ และ/หรือ ตำแหน่งของเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่เกิดการอักเสบ

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้แก่

1. มีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆ แล้วส่งผลให้เกิดต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ข้างเคียงอักเสบตามไปด้วย โดยไม่มีการติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลือง ซึ่งสาเหตุนี้ เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุดของต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เช่น

การอักเสบของช่องปากและช่องคอจากเชื้อแบคทีเรีย (เช่น เหงือก ลิ้น กระพุ่งแก้มอักเสบ ฟันผุ ต่อมทอนซิลอักเสบ) ซึ่งต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบคือ ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณลำคอ
โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส และ/หรือเชื้อแบคทีเรีย (เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคหัดเยอรมัน) ต่อมน้ำเหลืองที่โตคือ ต่อมน้ำเหลืองที่คอทั้งด้านหน้าและด้านหลังของคอ
การมีการอักเสบหรือแผลที่มือ แขน หน้าอก เต้านม จะส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองรักแร้อักเสบ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ การมีแผล มีการอักเสบของ เท้า ขา และอวัยวะเพศ จะส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบอักเสบ เป็นต้น

2. มีการติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองเอง ซึ่งอาจเกิดต่อเนื่องมาจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียง เมื่อเนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียงนั้นเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนเชื้อลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองด้วย ซึ่งต่อมน้ำเหลืองที่ติดเชื้อนี้ จะมีลักษณะ บวมแดง เจ็บ เป็นหนอง, หรือ เป็นการติดเชื้อโดยตรงของต่อมน้ำเหลืองนั้น ซึ่งการติดเชื้อโดยตรงนี้ ต่อมน้ำเหลืองมักมีการอักเสบ โต หลายต่อมพร้อมกัน และมักมีลักษณะเหมือนสายลูกประคำ เช่น วัณโรคต่อมน้ำ เหลือง หรือ ในโรคเอดส์

3. ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่สาเหตุไม่ใช่การติดเชื้อ เช่น ในโรคออโตอิมูน, ในโรคมะเร็ง (ลักษณะสำคัญคือ ต่อมน้ำเหลืองจะไม่ค่อยเจ็บและจะโตขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว มักมีขนาดโตมากกว่า 1 เซนติเมตร), ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรือจากการแพ้ยาบางชนิด เช่น ยากันชัก Phenytoin, ยารักษาโรคความดันโรคหิตสูง Atenolol, ยาลดกรดยูริคในเลือดและรักษาโรคเกาต์ Allopurinol เป็นต้น

4. ประมาณ 0.5 - 1% ของผู้ที่มาพบแพทย์ด้วยต่อมน้ำเหลืองอักเสบ/ต่อมน้ำเหลืองโต แพทย์หาสาเหตุไม่พบ

การรักษาต่อมน้ำเหลืองอักเสบคือ การรักษาสาเหตุ เช่น การหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนยาเมื่อสาเหตุเกิดจากยา, การทำฟัน เมื่อสาเหตุเกิดจากฟันผุ, การรักษาแผลต่างๆเมื่อสาเหตุเกิดจากแผล, การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย, การรักษาวัณโรคเมื่อสาเหตุเกิดจากเชื้อวัณโรค, และการรักษาโรคมะเร็งเมื่อสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็ง เป็นต้น

นอกจากนั้นคือ การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาแก้ปวด ถ้ามีอาการปวดต่อมน้ำเหลืองมาก เป็นต้น

Tana*****

5 ตุลาคม 2560 14:32:40 #6

ไม่มีการบวมนะคับ ตอนนี้ดีขึเนมากแล้วคับ แต่ยังปวด นิดๆ ที่ข้อผับขาคับบ ขอบคุนมากนะคับบ