กระดานสุขภาพ

ผลกระทบจากการผ่าตัดเต้านมและต่อมน้ำเหลือง
Phaa*****m

24 สิงหาคม 2559 07:18:38 #1

ขอความกรุณาคุณหมอช่วยไขข้อข้องใจด้วยค่ะ

คุณแม่ดิฉันตรวจพบมะเร็งที่เต้านมซึ่งคุณหมอได้ให้คำแนะนำกับคุณแม่ว่าหากทำการผ่าตัดทั้งเต้าหลังผ่าตัดแล้วไม่ต้องให้คีโม่หรือฉายแสงคุณแม่เลยตัดสินใจให้ตัดทั้งเต้า หลังจากผ่าตัดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาได้ประมาณหนึ่งเดือนคุณแม่เริ่มมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ทานอะไรได้น้อย เพราะมักจะอาเจียนออกหมด และอาการที่สำคัญคือคันตามตัวตั้งศรีษะจนถึงเท้า โดยคุณแม่บอกคันบริเวณใต้ผิวหนัง ไม่มีผื่น  เหนื่อยง่าย ด้วยเพราะทานอะไรได้น้อยน้ำหนักคุณแม่จึงลดลง ดูซูบลงอย่างเห็นได้ชัดคะ ซึ่งแตกต่างจากอาการก่อนการผ่าตัดอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนผ่าตัดคุณแม่ดูแข็งแรงดีมาก จนเมื่อ วันที่ 2 สิงหาคม คุณแม่ได้ไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุของอาการที่โรงพยาบาลรัฐที่ต่างจังหวัดโรงพยาบาลเดิมที่คุณแม่ทำการผ่าตัดแต่ไม่ได้พบกับคุณหมอเจ้าของไข้ ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นผลกระทบจากการผ่าตัด เป็นอาการน้ำดีล้นถุง เดี๋ยวร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวได้เอง แล้วก็สั่่งยารักษาตามอาการให้คุณแม่มา เช่น ยาทาแก้คัน ยาแก้อาเจียน โดยไม่ได้ทำการตรวจเลือด หรือตรวจใด ๆ จึงขอรบกวนสอบถามคุณหมอว่าอาการป่วยที่คุณแม่เป็นมันเป็นผลกระทบจากการผ่าตัดเต้านมอย่างที่คุณหมอท่านนั้นบอกจริงหรือเปล่าคะ ตอนนี้ร่วม 2 เดือนแล้วหลังจากผ่าตัดอาการคุณแม่ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

อายุ: 60 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.06 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

26 สิงหาคม 2559 05:06:42 #2

ดีช่าน (Jaundice) คือ อาการที่ ตัว ตาขาว และเนื้อเยื่อต่างๆโดยเฉพาะเยื่อเมือก เกิดมีสีเหลืองขึ้น ดังนั้น ดีซ่านจึงเป็นอาการไม่ใช่โรค แต่บ่อยครั้งเรียกว่า โรคดีซ่าน อาการดีซ่าน มักมีสาเหตุเกิดจากโรคของตับ และ/หรือ ทางเดินน้ำดี แต่สามารถพบเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้

ดีซ่านมีกลไกเกิดจาก มีปริมาณสารให้สีเหลืองที่เรียกว่า บิลิรูบิน(Bilirubin) ในเลือดสูงเกินปกติมาก อาการจากสารบิลิรูบินในเลือดสูง คือ อาการตัวและตาเหลือง และอาการคัน จากสารบิลิรูบินก่อการระคายเคืองต่อผิวหนัง

สาเหตุที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ ได้แก่

  1. โรคติดเชื้อของตับ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ และ โรคฉี่หนู
  2. โรคติดเชื้อบางชนิดที่ทำให้เกิดการทำลายเม็ดเลือดแดง เช่น โรคไข้จับสั่น (มาลาเรีย)
  3. โรคตับอักเสบจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น จากยาบางชนิดในการรักษา วัณโรค หรือ ยาปฏิชีวนะ บางชนิด
  4. โรคตับอักเสบจาก โรคภูมิแพ้ตนเอง (ภูมิต้านตนเอง)
  5. โรคจากมีการอุดตันทางเดินน้ำดี น้ำดีและสารบิลิรูบินในน้ำดีจึงไม่สามารถไหลลงสู่ลำไส้ได้ สารบิลิรูบินจึงท้นเข้าสู่กระแสเลือด เช่น โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคมะเร็งตับ ชนิดเกิดจากท่อน้ำดีในตับ และโรคมะเร็งตับอ่อน
  6. โรคเลือดบางชนิด ที่ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้น เช่น โรคจีซิกพีดี (G6PD) และ โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)

จากที่ปรึกษามาคุณแม่ของคุณ น่าจะมีภาวะดีซ่าน ทำให้มีอาการคันตามตัวและผิวหนัง ตัวเหลืองตาเหลือง ซึ่งสาเหตุโดยส่วนมากในผู้ใหญ่จะเกี่ยวของกับตับและทางเดินน้ำดี คุณหมอจึงขอแนะนำให้พาคุณแม่ไปตรวจที่รพ. เพื่อจะได้ซักประวัติตรวจร่างกาย ควรมีการเจาะเลือดประเมินภาวะเหลือง และการทำงานของตับ อาจมีการเจาะเลือดเพิ่มเติมอย่างอื่นตามสาเหตุที่คิดถึง การอัลตราซาวน์เพื่อดูตับและทางเดินน้ำดี ก็มีความจำเป็นนะคะ

Phaa*****m

31 สิงหาคม 2559 06:29:33 #3

ขอบคุณค่ะ