กระดานสุขภาพ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อันตรายไหมค่ะ | |
---|---|
3 สิงหาคม 2559 09:14:49 #1 เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เยื่อบุฯ และ ผังผืด คือตัวเดียวกันหรือปล่าวค่ะ - อัลตร้าซาว ช่องคลอด (โรงบาลเอกชน) ให้เรา ทานยาปรับ ฮอโมน ให้ประจำเดือนมาก่อน - ส่วนแพทย์อีกท่านมารักษาต่อ (ประกันสังคม) สอบถามว่า เราต้องผ่าตัดไหม เค้าบอกว่าไม่ต้องผ่า แนะนำ ให้ฉีดยาคุม เพื่อไม่่ให้มีประจำเดือน จะได้ไม่ปวดท้อง (แพทย์แนะนำ) - ฉีดยาคุมจะดีไหมคะ แล้ว ต้องฉีดอย่างนี้ไปตลอด หรือไม่ - เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถ พัฒนาเป็น เนื้อกงอก หรือ ซีสต์ ได้หรือไม่ - มีวิธีรักษาที่ดีอย่างไร / ควรออกกำลังกายแบบไหน
ขอบพระคุณคุณหมอที่ช่วยตอบค่ะ
|
|
อายุ: 27 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์(สูติ-นรีแพทย์) |
5 สิงหาคม 2559 07:20:09 #2 ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญที่บริเวณนอกเหนือจากผนังเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งไม่ใช่ที่ปกติที่เยื่อบุโพรงมดลูกควรอยู่ ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นผลจากการไหลของประจำเดือนย้อนกลับเข้าไปที่ท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง แทนที่จะออกมาเป็นประจำเดือนภายนอก เมื่อประจำเดือนซึ่งมีผนังเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นส่วนประกอบไหลกลับเข้าไปที่ท่อนำไข่ก็จะกระจายเข้าไปเกาะตามผิวของกล้ามเนื้อมดลูกด้านนอก ผิวเยื่อบุผนังในช่องท้อง รังไข่ และบริเวณลำไส้ โดยเฉพาะที่ลำไส้ใหญ่จะมาเกาะติดกับผิวของมดลูกด้านหลัง ทำให้เกิดเป็นพังผืดเกาะกระจายไปทั่ว ที่เรียกว่าพังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า "endometriosis" ถ้าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกกระจายเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกก็จะเรียกว่าพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูกหรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า "adenomyosis" ทำให้เกิดอาการปวดท้องมากเวลามีประจำเดือน อาจจะมีอาการปวดหน่วงที่ทวารหนัก ท้องเสีย ถ่ายเหลว ปวดประจำเดืนมาก ถ้าเยื่อบุโพรมดลูกมีการสะสมมากขึ้นในแต่ละเดือน พยาธิสภาพจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไปฝังตัวที่รังไข่ ก็จะกลายเป็นถุงน้ำ เพราะมีเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ภายในรังไข่ ทำให้เกิดอาการเลือดออกภายในรังไข่ด้วยจนกลายเป็นถุงน้ำที่รังไข่ที่มีเลือดสะสมอยู่ภายใน เมื่อเลือดมีการสะสมนานเข้าสีจะเข้มขึ้นคล้ายสีชอกโกแลต หรือที่เราเรียกกันว่าชอกโกแลตซีสต์ ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่เกิน 4-5 ซม. มักจะรักษษโดยการใช้ฮอรืโมนไม่ได้ จะต้องทำการผ่าตัดออก แต่ถ้าถุงน้ำมีขนาดเล็กกว่า 4-5 ซม. หรือไม่มีถุงน้ำ มีแต่พังผืดที่เกิดขึ้นในช่องท้องการรักษาจะสามารถใช้ยาแก้ปวดตามอาการ หรือการใช้ฮอร์โมนเช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งจะต้องกินยาทุกวัน ห้ามลืมทาน ทานต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีรอบเดือน จะได้ไม่ปวดท้อง หรือยาฉีดคุมกำเนิด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ เช่น เลือดออกผิดปกติกระปริบกระปรอย น้ำหนักตัวขึ้น ภาวะนี้จะสัมพันธ์กับภาวะมีบุตรยากด้วย แต่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ไม่ใช่มะเร็ง คุณสามารถดูแลตนเองตามปกติ ออกกำลังกายได้ตามปกติค่ะ |
Mano*****d |
5 สิงหาคม 2559 07:44:41 #3 ขอขอบพระคุณ รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์ มาก ๆ ค่ะ ที่ช่วยตอบคำถามทุกครั้ง จนรู้วิธีรักษาตัวที่ถูกต้อง |
Mano*****d