เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วันหรือมีการสัมผัสเชื้อ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง การที่เป็นซ้ำบ่อยหรือไม่บ่อยขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะถ้ามีภูมิต้านทานต่ำ ก็จะเป็นบ่อย ในกรณีของคุณที่ตรวจเลือดแล้ว ไม่พบว่ามีการติดเชื้อเอดส์ อาจจะต้องหาสาดหตุ เช่นมีการกินยาอะไรบ้าง เช่น ยากดภูมิ หรือยามะเร็งบางชนิด อาจจะทำให้ภูมิต้านทานต่ำได้ คงต้องปรึกษาหมอที่รักษาเรื่องมะเร็ง ส่วนเรื่องยา acyclovir นั้น มีการศึกษาว่าถ้าให้กินครั้งละ 400-800 มิลลิกรัม เช้า เย็นสามารถป้องกันไม่ให้เป็นเริมหรือเป็นก็มีจำนวนน้อยลงและหายเร็วขึ้น เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย อาจจะพบว่ามีการทำให้ค่าเอ็นไซม์ในตับขึ้นได้ ซึ่งเมื่องดกินยา ก็จะกลับมาเหมือนเดิม โดยทั่วไป แนะนำว่ากินประมาณ 1 ปี แล้วหยุดกินยา จำนวนครั้งที่เป็นก็อาจะลดลง เช่นจากที่เคยเป็นทุกเดือน อาจจะเหลือปีละ 2-3 ครั้ง ก็อาจจะหยุดกินยาแบบทุกวันไปใช้แบบกินเมื่อเป้นแผลได้ ทั้งนี้คงต้องปรึกษระหว่างหมอและคนไข้ว่าจะเลือกการัษาแบบไหน

ปรึกษากับหมอที่รักษามะเร็งแล้วครับ คุณหมอแจ้งว่า เกี่ยวกับผมนอนน้อยครับ การรักษามะเร็งของผมไม่ได้ให้ยาใดๆ ไม่ได้ทำคีโมรึฉายแสง ติดตามผลทุกสี่เดือน ล่าสุดตรวจเมื่อ30เม.ย.59 ผลยังปกติครับ ระดับเม็ดเลือดขาวปกติครับผม ถ้าต้องกินระยะยาวจนครบหนึ่งปี ถ้าลดขนาดจาก800มิลลิกรัม เช้าเย็น เป็น 400 มิลลิกรัมเช้าเย็นจะมีผลอะไรมั้ยครับ ผมกลัวผลเสียระยะยาวจากการใช้ยาปริมาณสูงๆ เลยอยากจะลดปริมาณยาลง