การที่มีตุ่มหรือมีแผลที่หนังลูกอัณฑะ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่นใช้ถุงยางทุกครั้งที่ใช้ถุงยาง ก็อาจจะมีสาเหตุจาการแพ้ เช่นแพ้สารที่ใช้หรือที่สัมผัส ในบางคนอาจจะแพ้ยา ลองนึกดูว่าก่อนเป็น มีกินยาหรือไม่ เช่นยาแก้ไข้แก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาชุด เป็นต้น ต้องงดสารที่สงสัยว่าจะแพ้ กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10มิลลิกรัม เช้า เย็น ทายาแก้แพ้ เช่น triamcinoloe แต่ถ้ามีความเสี่ยงแต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง นอกจากนี้ สาเหตุอื่น เช่น เชื้อราหรือโรคผิวหนังอื่น หรือการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปจากการเกา การแกะ เป็นต้น

โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่่ยงทางเพศและลักษณะของแ,ที่เป็น ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอ หรือส่งรูปถ่ายชัดๆและให้ข้อมูลทางเพศสัมพันธุ์มาด้วย