กระดานสุขภาพ

พบตุุ่มที่เหนือบริเวณน้องชาย
Anonymous

29 กรกฎาคม 2558 09:34:56 #1

พบตุ่มอยู่ที่โหนกคับ เมื่อประมาณ 3-4เดือนก่อนผมอังเอิญจับโดนเป็นเม็ดขนาดเล็กๆ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร อยู่ๆผมก็พบว่ามันมีขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าสะกิดโดน เหมือนเจ็บๆนิดๆ ตอนนี้ขนาดประมาณ0.4ซม. เมื่อดูใกล้ๆเหมืินจะมีเม็ดขาวๆคล้ายหัวสิวอยู่ข้างใน ถ้าผมสะกิดแล้วออกจะเป็นอะไรมั้ยคับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/8c47e-23819.jpg

อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 176ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.21 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Bokb*****n

29 กรกฎาคม 2558 09:53:37 #2

ส่งรูปไปทางอีเมล์แล้วคับ ขอบคุณคับ
Haamor Admin

(Admin)

30 กรกฎาคม 2558 07:40:24 #3

ถึง คุณ 8c47e

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 43dd5 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ และหากครั้งต่อไปคุณ 43dd5 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ และทีมงานนำรูปจากอีเมล์ขึ้นกระทู้เรียบร้อยค่ะ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

30 กรกฎาคม 2558 16:09:06 #4

การที่มีบริเวณอวันยวะเพศ ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ตุ่มบริเวณนี้อาจเป็นโรคติดต่อ เช่นเป็นหูดข้าวสุกจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum จะเป็นตุ่มมีรอยบุ๋มตรงกลาง ซึ่งเมื่อบีบจะมีสารสีขาวขุ่นคล้ายข้าวสุก รักษาโดยการบีบเอาสราสีขาวออกหรือใช้เลเซอร์หรือจี้ไฟฟ้าหรือจี้ด้วยความเย็น มักจะพบในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือถ้าเป็นติ่งเนื้อ ก็อาจเป็นหูดหงอนไก่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพัวี (Human papilloma virus) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย รักษาโดยการใช้ยา podophyllin จี้ ซึ่งต้่องให้แพทย็หรือพยาบาลจี้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 4-8 อาทิตย์ก็จะหาย แต่ถ้าไม่ดีขึ้น ก็ต้องใช้จี้ด้วยไฟฟ้าหรือเลเซอร์ แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยง เช่นใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสํมพันธ์ ก็อาจเป็นการอักเสบของต่อมใต้ผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว ซึ่งต้องกินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน โดยสรุป ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง ก็อาจเป็นหูดข้าวสุกและหูดหงอนไก่ แนะนำหาหมอหรือให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์มาด้วยและควรตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิส โดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง หรือ ประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ ถ้าพบว่ามีการติดเชื้อเอดส์ ก็จะมีการตรวจภูมิต้านทาน และให้ยาต้านไวรัสรักษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

Anonymous

30 กรกฎาคม 2558 17:31:45 #5

คุณหมอคับ เมื่อ2-3วันที่แล้ว ผมไปเจาะเลือดเพื่อตรวจไวรัสตับอักเสบบี ปกติแล้วถ้าผมมีเชื้อ HIV แพทย์จะแจ้งมั้ยคับ หมอแจ้งแค่ว่าผมไมืมีเชื้อและไม่มีภูมิไวรัสตับอักเสบบี
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

31 กรกฎาคม 2558 15:37:02 #6

การตรวจเลือดนั้น สามารถตรวจได้หลายโรค เช่น ไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส เอดส์ ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ได้มีการสั่งตรวจหรือไม่ ในกรณีของคุณ ถ้าคุณบอกหมอว่าขอตรวจไวรัสตับอักเสบบีอย่างเดียว แสดงว่าไม่ได้มีการตรวจว่าติดเชื้อเอดส์หรือเอชไอวี และโดยปกติแล้ว ก่อนที่จะมีการตรวจเลือดเพรือดูว่าติดเชือเอดส์หรือไม่ หมอหรือพยาบาลจะต้องให้ข้อมูล ความรู้เรื่องโรคเอดส์ การติดต่อ การประเมินพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อให้คุณตัดสินใจว่าจะตรวจหรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้บอกให้หมอตรวจเอดส์ ก็น่าจะไม่มีการตรวจ แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง เที่ยวผู้หญิง ก็สามารถตรวจเลือดเอดส์ได้โดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง หรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ

Anonymous

31 กรกฎาคม 2558 18:01:39 #7

ผมคบกับแฟนคนปัจจุบันมา 7ปีแล้วคับ ช่วง 2-3ปีแรกผมใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน แต่หลังนั้นไม่ได้มีการป้องกันคับ แต่ผมไม่เคยนอกใจแฟน และผมก็มั่นใจว่าแฟนผมไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อน คุณหมอว่าผมจะมีโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มั้ยคับ ปกติผมเป็นคนที่มีเม็ดหรือสิวที่หลังและก้นอยู่แล้วคับ แต่จะเป็นเม็ดเล็กๆกว่านี้ ตอนนี้เม็ดมันแตกแล้วแต่ก็ยังเป็นเม็ดนูนๆอยู่เหมือนหูดที่ผมเคยเป็นที่นิ้วตอนเด็กๆเลยคับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

2 สิงหาคม 2558 05:34:18 #8

ถ้าแน่ใจว่าทั้งตัวคุณและแฟนไม่มีความเสี่ยงทั้งคู่ ก็ไม่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ตุ่มที่เป็นน่าจะเป็นจากการติดเชื้อทั่วไปคล้ายกับการเป็นสิว ให้กินยาแก้อักเสบตามที่ได้ตอบไปแล้ว ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนังครับ