กระดานสุขภาพ

สอบถามครับ
Anonymous

7 มีนาคม 2558 02:15:53 #1

คือผมเป็นเริมที่อวัยวะเพศครับ แต่อยากรู้ว่าทำไมมันหายช้าจัง ไม่ใช่ว่ายังเป้นแผลไม่หายนะครับ แต่ว่าแผลหายแล้ว เหลือแต่เป็นรอยตุ่มๆ คือว่าเป็นมาได้เดือนแล้วครับ เหมือนมันยังหายไม่สนิท

คือผมไม่ได้กินยาหรือทายาเลยครับ เห้นมันเริ่มหายเองก็เลยปล่อยให้หายไปเองเลยครับ  อาจทำให้หายช้าด้วยหรือป่าวครับ

1.รูปนี้ตอนเป็นประมาณต้นๆเดือนนะครับ ประมาณ 8-9 กุมภาพันธ์ มีตุ่มแดงๆขึ้น และหลังจานนั้น2-3วันก็เป็นแผลตามรูปครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/e904c-20525-1.jpg

 

2.รูปนี้ตอนปัจจุบันครับ 7 มีนาคม คือแผลเริมหายไปหลายวันแล้วครับตั่งแต่กลางๆเดือนกุมภา ตอนนี้เหลือแต่รอยตุ่มแดงๆเล็กๆจากแผล ยังหายไม่สนิทใช่ไหมครับ 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/e904c-20525-2.jpg

 

อยากถามว่าที่มันหายช้าเพราะผมไม่ได้กินยาหรือทายาใช่ปะครับ ถ้านับจากเริ่มเป็นถึงตอนนี้ก็เดือนนึงแล้วครับ เหลือแต่รอยตุ่มเล็กๆแดงๆ

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

7 มีนาคม 2558 17:13:32 #2

เป็นเริมนี้อาจจะเป็นไข้ด้วยใช่ปะครับ คือตอนเป้นวันแรกๆก็เป็นไข้ แต่เป้นไม่เยอะครับ เป้นได้วันสองวันแล้วก็หาย

Anonymous

8 มีนาคม 2558 05:01:37 #3

รอบกวนคุณหมอตอบอีกสักคำถามนะครับ

1.ตามรูปครับ สีลิ้นแบบนี้เป็นฝ้าขาวรึป่าวครับ แล้วจุดแดงๆเล็กๆตรงลิ้นคืออะไรครับ

 

2.ตามรูปครับ ก้อนกลมๆข้างใน2ก้อน ใช่ต่อมทอลซิลอักเสบรึป่าวครับ แต่ไม่มีอาการเจ็บคอนะครับ แต่เวลารับประทานอะไรจะรู้สึกเหมือนติดคอนิดๆ อาจจะเป็นเพราะกรดไหลย้อนรวมด้วยรึป่าว

 

3.ตามรูปครับ ที่ผมวงกลมไว้ ไม่รู้ว่าใช่แผลร้อนในรึป่าว ผมพึ่งสักเกต แต่ไม่เจ็บนะครับ (อีกอย่างผมเป็นร้อนในมา3รอบแล้วครับ เป็นแล้วก็หายได้สักสองสามวันและก็เป็นอีก แผลใหญ่บ้างเล็กบ้าง เจ็บบ้างไม่เจ็บบ้าง)

 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

8 มีนาคม 2558 14:41:23 #4

เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆเพราะจะมีเชื้อไวรัสไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวดเสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ในกรณีของคุณเท่าที่ดูจากรูป เห็นเป็นตุ่มเล็ก แผลตื้นๆ คล้ายเริม ถ้ามีประวัติเสี่ยงก่อนเป็นก็น่าจะเป็นเริม ซึ่งปกติจะหายใน 2-3 อาทิตย์ ส่นรอยแดงๆ ถ้ามีอาการคัน ก็อาจจะมีการแพ้หรือระคายเคืองต่อสารที่ใช้ เช่น สบู่หรือครีมอาบน้ำ แนะนำให้ใช้สบู่อ่อนๆ ล้างเบาๆ เช้าเย็น ซับให้แห้ง ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนังครับ และควรจะตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิส โดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ

Anonymous

9 มีนาคม 2558 06:58:38 #5

เป็นเริมนี้ ต้องติดเชื้อhivด้วยรึป่าวครับ หรือคนปกติก็เป็นได้

ผมไปอ่านบางเว็บเห็นเค้าบอกว่า ต้องแยกระหว่างเอชไอวีกับเริมออกจากกันครับ เริมคือเริม เออชไอวีคือเอชไอวีครับ

เพราะตอนผมมีเพศสัมพันครั้งล่าสุดก็ผ่านมาเดือนนึงแล้ว ตอนมีเพศสัมพันใส่ถุงยางนะครับ แต่ทำออรัลสด
โดยไม่ได้ใส่ถุง พอผ่านไป2-3วันก็เป็นเริม

แสดงว่าอีกฝ่ายมีเชื้อเริมที่ปากแล้วมาทำออรัลสด ผมถึงติดเริมใช่ปะครับ แต่ผมก็มีการจูบกันนะครับแต่ทำไมที่ปากผมไม่ติดเริม

แต่ยังไงก็ควรตรวจเลือด เพื่อความสบายใจใช่ปะครับ

Anonymous

9 มีนาคม 2558 07:40:40 #6

แล้วอีกอย่างผมมีเพศสัมพันกับแฟนครั้งแรกทำออรัลแต่ใส่ถุงยาง ผ่านมาอาทิตย์นึงไม่มีอาการเริม แต่พอผมมีเพศสัมพันกับแฟนอีกครั้งทำออรัลสดไม่ใส่ถุงยาง ผมก็เป็นเริมเลยครับ แสดงว่าแฟนผมเป็นเริมที่ปากชัวเลยใช่ไหมครับ แต่ผมไม่เห็นรอยแผลเริมที่ปากเค้าเลยนะครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 มีนาคม 2558 17:00:02 #7

โรคเริมและการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ มีสาเหตุจากไวรัสคนละชนิดกัน เพราะฉะนั้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ถ้าคู่นอนมีทั้ง 2 โรค คุณก็มีโอกาสติดเชื้อโรคใดโรคหนึ่งหรือทั้งสองโรคพร้อมกัน แต่ถ้าคู่นอนมีโรคใดโรคหนึ่ง คุณก็มีโอกาสติดเชื้อเพียงโรคเดียวคือโรคที่คุ่นอนเป็นอยู่ ส่วนเรื่องเริมนั้น ตามที่ได้ตอบไปแล้ว ถ้าที่ทำออรัลเซ็กส์ให้เป็นแผลเริมที่ริมฝีปากหรือในคอ ก็อาจจะติดให้อีกฝ่ายได้ การติดต่อจะมีโอกาสสูงขณะที่มีแผล แต่ก็เป็นไปได้ว่าแผลอาจจะอยู่ในช่องปากหรือคอ ซึ่งอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ ส่วนรูปลิ้นและคอที่ส่งมาทั้ง เป็นต่อมที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ และที่เห็นเป็นก้อนอยู่สองข้างคือต่อมทอนซิล อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ไปตรวจเลือดเอดส์ทั้ง 2 คนโดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง หรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

Anonymous

11 มีนาคม 2558 14:18:28 #8

จากรูปต่อมทอนซิล แบบนี้อักเสบรึป่าวครับ คือจากรูป มันมีขนาดไม่เท่ากันอะครับ

พ.อ.นพ.ณฐพล จันทรอัมพร

(แพทย์ หู คอ จมูก)

17 มีนาคม 2558 16:58:08 #9

1.ตุ่มเล็กๆที่ลิ้นคือตุ่มรับรสครับ
2.ใช่ครับต่อมทอนซิล ไม่ต้องโตเท่ากันก็ได้ครับ
3.ไม่ใช่แผลเป็นก้อนไขมันที่ผนังคอครับ

คุณมีฟันผุสุขภาพช่องปากจึงไม่ดีควรไปทำฟันด้วยครับ