กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่2ช้า
Anonymous

21 ตุลาคม 2557 05:34:02 #1

กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกตอน17:30ละต้องกินอีกทีตอนตี5:30แต่ดันตื่นไม่ทันตื่นมาอีกก็6โมงกว่าๆเลยรีบกิน อยากทราบว่ากินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่2ช้าจะท้องหรือเปล่าค่ะ

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.85 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

23 ตุลาคม 2557 19:05:24 #2

เรียน คุณ 2f7d2,

โดยทางการแพทย์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีข้อบ่งใช้ 2 ประการคือ 1. เมื่อถูกข่มขืน 2. เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือรั่วซึม อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ 8-15 เปอร์เซ็นต์ จึงห้ามใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนสูงมากเมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ 1500 ไมโครกรัม เทียบกับ 50-75 ไมโครกรัม

- กลไกการคุมกำเนิด คือ

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว จนตัวอสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว จนตัวอ่อน (หากมีการผสมของอสุจิกับไข่) ฝังตัวได้ยาก

- วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง มี 2 วิธีคือ

1. รับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และรับประทานยาอีก 1 เม็ดหลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง วิธีนี้มีข้อดีคือ ช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการรับประทานยาฮอร์โมนสูงเพียงครั้งเดียว แต่ข้อเสีย คือ อาจลืมรับประทานยา

2. รับประทานยาพร้อมกันสองเม็ด ภายหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
ข้อดีคือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยา แต่ข้อเสียคืออาการไม่พึงประสงค์ค่อนข้างสูง เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดมวน แน่นท้อง

- อาการไม่พีงประสงค์ที่พบเหมือนกัน คือ อาการจากการได้รับฮอร์โมนปริมาณสูง คัดตึงเต้านม แน่นท้อง ท้องอืด เลือดประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ โดยส่วนใหญ่หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินประมาณ 5 วันจะมีเลือดออกเนื่องจากยา แต่เลือดประจำเดือนจะล่าช้าจากเดิมไป 7-14 วัน

จากข้อมูลข้างต้น หากโดยรวมแล้วรับประทานยาได้ 2 เม็ดภายใน 72 ชั่วโมง อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ใกล้เคียงกับการรับประทานยาในวิธีที่ 2 ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติม คือ ไม่ควรใช้เกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากการเกิดตกเลือดในช่องท้องได้ แต่จากการศึกษาวิจัยพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงหลายเท่ามากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ เป็นต้น

หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน มีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งคราว แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้วยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น โรคหนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบ บีหรือซี เริม หรือโชคร้ายสุดคือ เอชไอวี หรือเอดส์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา นอกจากนี้ยังป้องกันการติดเชื้อไวรัส เอชพีวี (HPV- human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่ และมะเร็งองคชาติในเพศชายได้ด้วย และคุณก็ไม่จำเป็นต้องได้รับได้รับฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิดปกติโดยไม่มีความจำเป็นอีกด้วย

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

http://haamor.com/th/การคุมกำเนิดฉุกเฉิน/

http://haamor.com/th/การคุมกำเนิด/