ขอทำความเข้าใจดังนี้ครับ

๑ คนเป็นลมควรทำอย่างไร

คนเป็นลมมีสาเหตุจากอะไรก็ได้ที่ทำให้ขณะที่คนกำลังจะเป็นลมนั้นมีความดันโลหิตลดต่ำลงและส่งผลให้โลหิตไปหล่อเลี้ยงสมองไม่พอนั่นเองร่างกายจึงพยายามทำให้โลหิตไปเลี้ยงสมองได้พอเพียงด้วยการต้องปรับให้ร่างกายอยู่ในลักษณะที่ศรีษะต่ำจึงมีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้นดังนั้นการปฐมพยาบาล

๑.๑ ในขั้นแรกคือจะต้องทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองพอด้วยการให้ผู้นั้นนอนราบลงและทำให้ร่างกายผ่อนคลายเช่นคลายเม็ดกระดุมออก เน็คไท เข็มขัด ฯลฯ เพื่อให้หายใจได้สะดวกและเลือดไหลได้สะดวกขึ้น หากจะช่วยยกแขนและขาให้สูงขึ้นกว่าระดับศรีษะก็จะเป็นการดีและใข้ได้ผลเพราะจะช่วยให้โลหิตไปสมองได้ดีขึ้น

๑.๒ ขั้นตอนต่อไปคือช่วยให้การหายใจได้สะดวก ไม่ควรมุงดูจนทำให้อากาศไม่พอเพียง อาจจะช่วยโบกพัดให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้นซึ่งจะช่วยให้ผู้นั้นสบายขึ้น

๑.๓ดังนั้นการเป็นลมเกิดขึ้นจากความดันลดต่ำลงเลือดไปสมองไม่พอเราให้นอนราบและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นดัง๒ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นก็มักเพียงพอในเกือบทุกๆกรณี

๑.๔ การเป็นลมไม่ได้เกิดจากการขาดออกซิเจนแต่โลหิตไปเลี้ยงสมองไม่พอการแก้ไขจึงไม่ได้อยู่ที่การให้ออกซิเจนเป็นสำคัญหากแต่อยู่ที่ทำให้โลหิตไปเลี้ยงสมองดีขึ้น

๑.๕ หากเป็นลมเกิดจากการเสียเหงื่อเช่นอยู่ในที่ที่อากาศร้อนและเหงื่อออกมากหลังจากที่แก้ไขและมีความรู้สึกตัวดีแล้วหากให้ได้ดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้หรืกน้ำเกลือแร่(แล้วแต่จะหาได้)ก็จะเป็นการดี

๒ ในกรณีคนเป็นลมควรให้ ออกซิเจนหรือไม่ และมีข้อดีและมีข้อเสียประการใด

หากผู้ที่เป็นลมนั้นมีโรคประจำตัวมาก่อนเช่น ถุงลมโป่งพอง โรคปอดและโรคหัวใจ มาก่อนในกรณีนี้หากเป็นไปได้ควรให้ออกซิเจนก็จะเป็นการดี

ขอทำความเข้าใจให้ถูกต้องอีกครั้งว่าการเป็นลมไม่ได้เกิดจากออกซิเจนไม่เพียงพอแต่เกิดจากความดันโลหิตลดลงและมีผลให้โลหิตไปสมองลดลง แต่การที่คนเป็นลมและคนคนนั้นมีโรคบางอย่างอยู่ก่อนแล้วไม่ได้เกิดในคนธรรมดาทั่วๆไปที่เป็นลมจึงควรให้ออกซิเจนเป็นกรณีๆไป แต่การให้ออกซิเจนนั้นไม่ใช่ความสำคัญในอันดับแรกและไม่ใช่หลักสาระสำคัญในการแก้ไขการเป็นลม

แม้การเป็นลมจะเกิดกับผู้ที่มีโรคอยู่ก่อนแล้วก็ตามการแก้ไขก็ยังอยู่ที่สาระสำคัญคือทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ด้วยวิธีข้างต้นในข้อ๑

ดังนั้นหากเราไม่แก้ไขตามหลักสาระแต่พยายามวิ่งไปหาออกซิเจนนั้นอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ที่กำลังเป็นลมได้เช่นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อไปรับออกซิเจนหากอยู่ห่างไกลและไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยนอนราบลงและเสียเวลาไปกับการเคลื่อนย้ายจะทำให้เลือดไปสมองลดลงนานขึ้นโดยไม่จำเป็น

ส่วนตัวแล้วเห็นการปฏิบัติไม่ค่อยจะถูกต้องบ่อยๆแม้กระทั่งในการแข่งกีฬามีคนเป็นลมจะมีผู้หวังดีคอยประคองผู้ป่วยไม่ไห้นอนลงและพยายามช่วยอุ้มค้ำให้ยืนและศรีษะตั้งตรงด้วยเกรงว่าหากนอนลงจะทำให้ผู้นั้นหมดสตินั้นนับว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง

๓ หากให้ควรให้เท่าไรจึงจะดี

การให้ออกซิเจนนัันหลักการคือถ้าไม่มีเครื่องตรวจวัดค่าอิ่มตัวของออกซิเจนก็ควรให้ที่พอดีไม่มากเกินไปประมาณ ๑-๓ลิตรต่อนาทีและถามผู้ป่วยดูว่าพอแล้ว(หายเหนื่อยหรือไม่)หรือยัง หากสามารถวัดค่าฯได้ควรให้ที่ค่าความอิ่มตัวเกินกว่า๙๐เปอร์เซนต์