มะเร็งคอหอย โรคมะเร็งคอหอยส่วนกล่องเสียง (Hypopharyngeal cancer)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

มะเร็งคอหอย(Hypopharyngeal cancer) หรืออีกชื่อคือ มะเร็งคอหอยส่วนกล่องเสียง(Laryngopharyngeal cancer) ได้แก่ โรคที่เกิดจากการกลายพันธ์ของเซลล์เนื้อเยื่อคอหอยตำแหน่งใดก็ได้ ส่งผลให้เซลล์นั้นมีการเจริญแบ่งตัวรวดเร็วเกินปกติ และร่างกายไม่สามารถควบคุมการเจริญแบ่งตัวนั้นได้ จึงเกิดเป็นก้อนมะเร็ง/แผลมะเร็งรุกราน/ลุกลามทำลายและอุดตันคอหอย ลุกลามทำลาย เนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียงคอหอย ต่อมน้ำเหลืองลำคอ และในที่สุดแพร่กระจายทางระบบน้ำเหลืองเข้าทำลายต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกายนอกลำคอ เช่นที่ รักแร้ ช่องอก หรือขาหนีบ และ/หรือแพร่กระจายทางกระแสเลือด/โลหิตเข้าทำลายอวัยวะต่างๆได้ทั่วร่างกาย พบบ่อยที่ ปอด และกระดูก

อนึ่ง คำว่า ‘คอหอย (Pharynx)’ ทั่วไปหมายถึง คอหอยส่วนกล่องเสียง (Hypophyrynx) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อกลุ่มหนึ่งในลำคอส่วนที่อยู่ด้านข้างทั้งซ้าย ขวา และด้านหลังของกล่องเสียง จึงเรียกได้ชื่ออีกชื่อว่า ‘คอหอยส่วนกล่องเสียง (Laryngopharynx)’ เป็นเนื้อเยื่อที่ประกอบด้วย เยื่อเมือก/ เยื่อบุผิว, เนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้เยื่อเมือก, กล้ามเนื้อ, เส้นประสาท, หลอดเลือด, และระบบน้ำเหลือง มีหน้าที่ช่วยในการกลืนอาหาร ดื่มน้ำ การออกเสียง และการหายใจ ทั้งนี้นอกจากกล่องเสียงแล้ว อวัยวะที่อยู่ติดต่อกับคอหอยส่วนกล่องเสียงตอนล่าง คือ หลอดอาหาร

คอหอยส่วนกล่องเสียง ซึ่งต่อไปขอเรียกว่า “คอหอย” ประกอบด้วยกลุ่มเนื้อเยื่อ 3 กลุ่มหลักที่สามารถเกิดเป็นมะเร็งได้ทุกส่วน/ทุกกลุ่ม คือ

  • เนื้อเยื่อมีลักษณะเป็นโพรงอยู่ด้านข้างกล่องเสียง (Pyriform sinus) ซึ่งมีทั้งโพรงด้านซ้ายและโพรงด้านขวาของกล่องเสียง เป็นตำแหน่งที่พบเกิดมะเร็งได้บ่อย ซึ่งมะเร็งคอหอยเกือบทั้งหมดเกิดในตำแหน่งนี้ โดยเมื่อเกิดเป็นมะเร็งจะเรียกว่า ‘Pyriform sinus cancer หรือ Pyriform carcinoma’
  • เนื้อเยื่ออยู่ติดด้านหลังของกล่องเสียง (Postcricoid area) พบเกิดมะเร็งได้น้อย ซึ่งเมื่อเกิดเป็นมะเร็งจะเรียกว่า ‘Postcricoid cancer หรือ Postcricoid carcinoma’ และ
  • เนื้อเยื่อด้านหลังของโพรงคอหอย (Posterior pharyngeal wall) พบเกิดเป็นมะเร็งได้น้อย ซึ่งเมื่อเกิดเป็นมะเร็งจะเรียกว่า ‘Posterior pharyngeal wall cancer หรือ Posterior pharyngeal wall carcinoma’

โรคมะเร็งคอหอย (Hypopharyngeal cancer หรือ Hypopharyngeal carcinoma) เป็นโรคพบได้เรื่อยๆ ไม่ถึงกับบ่อยมาก เป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ พบได้สูงขึ้นเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป (สามารถพบได้ในอายุต่ำกว่านี้) ผู้หญิงพบได้น้อยกว่าผู้ชาย 3-5 เท่า

ในประเทศไทยช่วง พ.ศ. 2553-2555 รายงานในปีพ.ศ.2558 โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข พบโรคนี้ในผู้หญิง 0.1 คนต่อประชากรหญิง 100,000 คน และพบในผู้ชาย 1.5 คนต่อประชากรชาย 100,000 คน

โรคมะเร็งคอหอยมีกี่ชนิด?

โรคมะเร็งคอหอย

โรคมะเร็งคอหอยมีหลากหลายชนิด ทั้งในกลุ่มมะเร็งคาร์ซิโนมา และกลุ่ม มะเร็งซาร์โคมา แต่ที่พบบ่อยเกือบทั้งหมด คือ ชนิดคาร์ซิโนมา (Carcinoma) ซึ่งเป็นมะเร็งของเยื่อเมือก แต่มะเร็งของเยื่อเมือกเอง ยังแบ่งออกได้เป็นอีกหลากหลายชนิดเช่นกัน

  • โดย 90-95% จะเป็นชนิด ‘สะความัส (Squamous cell carcinoma)’
  • ดังนั้น โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงโรคมะเร็งคอหอย จะหมายถึง โรคมะเร็งชนิดสะความัส ทั้งนี้รวมทั้งใน บทความนี้ ด้วย

โรคมะเร็งคอหอยเกิดจากอะไร? มีปัจจัยเสี่ยงไหม?

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคมะเร็งคอหอย แต่ทราบปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  • *ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของโรคนี้ คือ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเมื่อทั้งสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ปัจจัยเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก โดยมีการศึกษาพบ ว่า เมื่อสูบบุหรี่วันละตั้งแต่ 2 ซองขึ้นไปร่วมกับดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่วันละ 3-4 แก้วขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงจะสูงถึง 35 เท่าของคนไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุรา
  • อาจมีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิดที่ส่งผลให้เซลล์ของผู้ป่วยไวต่อ สารก่อมะเร็งต่างๆสูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งปัจจัยนี้พบได้น้อย
  • อาจจากขาดสารอาหารบางชนิด เพราะมีบางการศึกษา พบโรคได้สูงขึ้นในกลุ่มคนที่ขาดการกินผัก และผลไม้
  • จากคอหอยติดเชื้อไวรัส ชื่อ เอชพีวี(HPV) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับที่ก่อมะเร็งได้กับหลายอวัยวะ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก แต่ยกเว้น มะเร็งกล่องเสียง ซึ่งไวรัสกลุ่มนี้จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (แนะนำอ่านเพิ่มเติมใน เว็บ haamor.com บทความเรื่อง เอชพีวี โรคติดเชื้อเอชพีวี)

โรคมะเร็งคอหอยมีอาการอย่างไร?

ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็งคอหอย แต่จะเป็นอาการเหมือนจากมีการอักเสบเรื้อรังของลำคอจากสาเหตุทั่วไป

โดยอาการที่พบได้บ่อยของโรคมะเร็งคอหอย ได้แก่

  • เจ็บคอเรื้อรัง หรือคล้ายมีก้างติดคอเรื้อรัง
  • อาจกลืนอาหาร และ/หรือ ดื่มน้ำแล้วเจ็บ หรือรู้สึกติด กลืนไม่คล่อง บางครั้งเจ็บเข้าไปถึงหู ซึ่งทั้งหมดเป็นอาการเรื้อรัง
  • อาจมีน้ำลาย หรือ เสมหะเป็นเลือด ซึ่งเป็นเลือดที่ออกจากแผลมะเร็ง
  • มีกลิ่นปากจากแผลมะเร็ง เน่า ติดเชื้อ
  • เมื่อโรคลุกลามเข้ากล่องเสียง อาจส่งผลให้มีเสียงแหบ และ/หรือมีก้อนเนื้อโตจนปิดทางเดินหายใจ ส่งผลให้หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อึดอัด/ หายใจไม่ออก
  • เมื่อโรคลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองลำคอ ต่อมน้ำเหลืองลำคอจะโตคลำได้ อาจเพียงต่อมเดียว หลายต่อม หรือทั้งสองข้างของลำคอ

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งคอหอยได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งคอหอยได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการสูบบุหรี่และ/หรือดื่มแอลกอฮอล์ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  • การตรวจร่างกาย ที่รวมถึง การตรวจลำคอ การคลำต่อมน้ำเหลืองลำคอ
  • การตรวจภายในช่องปากและลำคอด้วยการตรวจทางหูคอจมูก
  • การตรวจภาพลำคอด้วย เอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
  • แต่ที่ให้ผลแน่นอนคือ การส่องกล้องตรวจลำคอ/คอหอย/กล่องเสียง และตัดชิ้นเนื้อจากก้อน/แผลมะเร็ง/รอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

ภายหลังเมื่อทราบว่าเป็นโรคมะเร็งคอหอยแล้ว จะมีการตรวจสืบค้นเพิ่มเติมเพื่อประเมินระยะโรค และสุขภาพผู้ป่วย เช่น

  • การตรวจเลือดซีบีซี (CBC)
  • การตรวจปัสสาวะ
  • การตรวจเลือดดูค่า น้ำตาลในเลือด (โรคเบาหวาน) ดูการทำงานของ ตับ ไต และค่าเกลือแร่ (Electrolyte)
  • การตรวจภาพลำคอด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ดูการลุกลามของโรค ถ้ายังไม่ได้ตรวจในช่วงวินิจฉัยโรค
  • การตรวจเอกซเรย์ปอด ดูโรคของปอด/โรคปอดและโรคของหัวใจ/โรคหัวใจ และดูการแพร่กระจายของโรคสู่ปอด
  • อาจมีการตรวจภาพตับด้วยอัลตราซาวด์ และ/หรือ การตรวจภาพกระดูกทั้งตัวที่เรียกว่า การสะแกนกระดูก (Bone scan) ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของโรค อาการผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์

โรคมะเร็งคอหอยมีกี่ระยะ?

โรคมะเร็งคอหอยมี 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่นๆ และแต่ละระยะยังอาจแบ่งย่อยได้อีก ทั้งนี้เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ ช่วยเลือกวิธีรักษา, บอกการพยากรณ์โรค, และในการศึกษาวิจัย, ซึ่งทั้ง 4 ระยะหลัก คือ

  • ระยะที่ 1: ก้อนมะเร็งมีขนาดโตไม่เกิน 2 ซม. และ/หรือลุกลามอยู่เฉพาะในเนื้อเยื่อที่เกิดโรค
  • ระยะที่ 2: ก้อนมะเร็งมีขนาดโตกว่า 2 ซม. แต่ไม่เกิน 4 ซม. และ/หรือลุกลามเข้ากล่องเสียง แต่ยังลุกลามไม่มาก
  • ระยะที่ 3: ก้อนมะเร็งโตมากกว่า 4 ซม. และ/หรือลุกลามเข้ากล่องเสียงมาก และ/หรือเข้าหลอดอาหาร และ/หรือเข้าต่อมน้ำเหลืองลำคอด้านเกิดโรค 1 ต่อม โดยต่อมมีขนาดโตไม่เกิน 3 ซม.
  • ระยะที่ 4: แบ่งเป็น3ระยะย่อย คือ
    • ระยะ4A: ก้อนมะเร็งลุกลามมาก เข้าถึง กระดูก ต่อมไทรอยด์ และ/หรือหลอดเลือดแดงของลำคอ, และ/หรือ ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองลำคอ 1 ต่อม โดยต่อมมีขนาดโตกว่า 3 ซม. และ/หรือเข้าหลายต่อม หรือทั้ง 2 ข้างของลำคอ และ/หรือเข้าต่อมด้านตรงข้ามลำคอ ทั้งนี้แต่ละต่อมต้องโตไม่เกิน6ซม.
    • ระยะ4B: ต่อมน้ำเหลืองลำคอโตมากกว่า 6ซม. และ/หรือ
    • ระยะ4C: โรคแพร่กระจายทางระบบน้ำเหลืองเข้าทำลายต่อมน้ำเหลืองต่างๆนอกลำคอ เช่นที่ รักแร้ ช่องอก ขาหนีบ, และ/หรือแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต/เลือด ไปทำลายเนื้อเยื่อ/อวัยวะอื่นๆทั่วร่างกาย ซึ่งเมื่อแพร่กระจายมัก เข้าสู่ ปอด กระดูก และตับ

อนึ่ง: มะเร็งระยะศูนย์(Stage 0) หรือ Carcinoma in situ (CIS): คือ มะเร็งระยะที่เซลล์มะเร็งยังไม่รุกราน(Preinvasive)/ลุกลามออกนอกเนื้อเยื่อชั้นเยื่อบุผิว(Epithelium) โรคระยะนี้ไม่มีการลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ/อวัยวะข้างเคียง หรือต่อมน้ำเหลือง หรือแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต เป็นระยะที่พบได้น้อยมากๆ ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ และวินิจฉัยได้จากการตรวจชิ้นเนื้อด้วยการตรวจทางพยาธิวิทยาเท่านั้น เป็นระยะที่รักษาได้ผลดีมาก อัตรารอดที่ห้าปี มักสูงกว่า 90-95% และทั่วไป มักยังไม่จัดเป็นมะเร็งอย่างแท้จริง

โรคมะเร็งคอหอยรักษาอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคมะเร็งคอหอย คือ การรักษาด้วยวิธีการหลักของโรคมะเร็งทั้ง 3 วิธี คือ

  • ผ่าตัด
  • รังสีรักษา และ
  • ยาเคมีบำบัด
  • ส่วนยารักษาตรงเป้า /ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง ยังอยู่ในการศึกษาทางการแพทย์ แต่มียาบางตัวได้นำมาใช้ทางคลินิกแล้ว เช่นยา Cetuximab แต่ ราคายายังแพงมากๆ

อนึ่ง ตัวอย่างการรักษา เช่น

ก. ในระยะที่โรคยังผ่าตัดได้ การรักษา เช่น

  • อาจผ่าตัดก่อน แล้วจึงพิจารณารักษาต่อเนื่องด้วยการฉายรังสี/รังสีรักษา และ/หรือยาเคมีบำบัด
  • หรือฉายรังสีรักษาโดยอาจร่วมกับยาเคมีบำบัดก่อน แล้วจึงพิจารณาการผ่าตัด

ทั้งนี้ จะเลือกวิธีใด อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ ซึ่งการผ่าตัดอาจต้องเป็นการตัดกล่องเสียงร่วมด้วย ถ้าโรคลุก ลามเข้ากล่องเสียงแล้ว

ข. ในโรคระยะที่ผ่าตัดไม่ได้ การรักษา คือ การฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าสุขภาพไม่อำนวย การรักษา คือ การฉายรังสีเพียงวิธีการเดียว

ค. ส่วนโรคในระยะแพร่กระจาย แพทย์ให้การรักษาผู้ป่วยเป็นรายๆไป ขึ้นกับ อาการ อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย

นอกจากนั้น คือ การฝึกพูดโดยนักแก้ไขการพูดในกรณีที่มีการผ่าตัดกล่องเสียงด้วย ซึ่งความสำเร็จในการฝึกพูดขึ้นกับความร่วมมือและความอดทนของผู้ป่วยในการฝึก และครอบครัวผู้ป่วยที่จะคอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย เพราะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ

มีผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งคอหอยอย่างไร?

ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคมะเร็งคอหอย ขึ้นกับวิธีรักษา ทั้งนี้ผล ข้างเคียงจะสูงขึ้นเมื่อ

  • ใช้หลายวิธีรักษาร่วมกัน
  • เมื่อมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง
  • ในผู้ที่สูบบุหรี่
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • และในผู้สูงอายุ

ตัวอย่างผลข้างเคียงที่อาจเกิดในวิธีรักษาต่างๆ ได้แก่

  • การผ่าตัด : เช่น การสูญเสียเนื้อเยื่อโดยเฉพาะอาจต้องผ่าตัดกล่องเสียงออกด้วย (พูดไม่ได้ตลอดไป และต้องมีรูเปิดของท่อลมออกสู่ด้านหน้าของลำคอ แต่สามารถฝึกพูดได้) การเสียเลือด และ/หรือแผลผ่าตัดติดเชื้อ
  • รังสีรักษา: เช่น ผลข้างเคียงต่อผิวหนัง (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การดูแลผิวหนังและผลข้างเคียงต่อผิวหนังบริเวณฉายรังสีรักษา และเรื่อง การดูแลตนเองเมื่อฉายรังสีรักษาบริเวณศีรษะและลำคอ)
  • ยาเคมีบำบัด: เช่น อาการ คลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง ภาวะซีด มีเลือดออกได้ง่ายจากมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และการติดเชื้อจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจากเคมีบำบัด และ/หรือรังสีรักษา:การดูแลตนเอง)
  • ยารักษาตรงเป้า/ยารักษาแบบมุ่งเป้า /ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง: เช่น การเกิดสิวขึ้นทั่วตัวรวมทั้งใบหน้า และยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย แผลติดยากเมื่อเกิดบาดแผล และอาจเป็นสาเหตุให้ ลำไส้ทะลุได้

โรคมะเร็งคอหอยรุนแรงไหม?

โรคมะเร็งคอหอยเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง/การพยากรณ์โรคไม่ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสรักษาได้หาย ทั้งนี้ความรุนแรงโรค ขึ้นกับ ระยะโรค, อายุ, และสุขภาพของผู้ป่วย โดยอัตรารอดที่ห้าปีของโรคมะเร็งคอหอยภายหลังการรักษา ได้แก่

  • ในระยะที่ 1 ประมาณ 50%
  • ระยะที่ 2 ประมาณ 40%
  • ระยะที่ 3 ประมาณ 30%
  • ระยะที่ 4
    • เมื่อยังไม่มีโรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต(ระยะ4A) ประมาณ 0-20%
    • เมื่อโรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิตแล้ว(ระยะ4B) ประมาณ 0-5%

มีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคอหอยไหม? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคอหอยให้พบตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือเมื่อมีอาการเจ็บคอ หรือมีเสลด/น้ำลายเป็นเลือดดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ‘อาการฯ’ นานเกินกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อการวินิจฉัยโรค และการรักษาแต่เนิ่นๆ

ป้องกันโรคมะเร็งคอหอยอย่างไร?

ปัจจุบันการป้องกันโรคมะเร็งคอหอยที่ดีที่สุด คือ

  • การไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเลิกทั้งบุหรี่ และแอลกอฮอล์ เมื่อเสพอยู่
  • ใช้ถุงยางอนามัยชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก

ดูแลตนเองอย่างไร? ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งรวมทั้งโรคมะเร็งคอหอย จะคล้ายกัน ปรับใช้ด้วยกันได้ ที่สำคัญ ได้แก่

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่ง ให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ และ
  • ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
    • อาการต่างๆเลวลง เช่น หายใจลำบากมากขึ้น ไอหรืออาเจียนเป็นเลือด
    • ท่อช่วยการหายใจ หรือ ท่อให้อาหารทางจมูกหรือทางช่องท้อง หลุด
    • มีไข้ โดยเฉพาะเกิดร่วมกับท้องเสีย
    • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น วิงเวียนศีรษะมาก ขึ้นผื่น ท้องเสียหรือท้องผูกเรื้อรัง
    • กังวลในอาการ

นอกจากนี้ แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง

  • การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และในเรื่อง
  • การดูแลตนเองการดูแลผู้ป่วยเคมีบำบัด

บรรณานุกรม

  1. AJCC cancer staging manual, 8th edition
  2. DeVita, V., Hellman, S., and Rosenberg, S. (2005). Cancer: principles& practice of oncology (7th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
  3. Haffty, B., and Wilson, L. (2009). Handbook of radiation oncology: basic principles and clinical protocols. Boston: Jones and Bartlett Publishers.
  4. Heck,J. et al. (2008).Dietary risk factors for hypopharyngeal cancer in India. Cancer Causes Control.19,1392-1337.
  5. Imsamran, W. et al. (2015). Cancer in Thailand vol Viii, 2010-2012, National Cancer Institute, Ministry of Public Health. Thailand
  6. Perez,C., Brady, L., Halperin, E., and Schmidt-Ullrich, R. (2004). Principles and practice of radiation oncology. (4th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
  7. https://www.cancer.org/cancer/laryngeal-and-hypopharyngeal-cancer/detection-diagnosis-staging/survival-rates.html [2019,Feb16]
  8. https://www.cancer.gov/types/head-and-neck/patient/adult/hypopharyngeal-treatment-pdq [2019,Feb16]