ไวรัสซิกา ปรปักษ์ของหญิงท้อง (ตอนที่ 1)

ไวรัสซิกาปรปักษ์ของหญิงท้อง

นพ.ยงเจือ เหล่าศิริถาวร สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลพื้นฐานว่า ไวรัสซิกาก่อให้เกิดโรคติดเชื้อซึ่งมีระยะฟัวตัว 4-7 วัน ก่อนแสดงอาการ แต่มีระยะเร็วสุด 3 วัน หรือยาวนานสุด 12 วัน

โดยอาการที่เห็นจะเป็นผื่นแดง มีไข้ ตาแดง แต่มีส่วนน้อยที่มีอาการข้างเคียงอื่น อย่างอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ท้องร่วง แต่พบได้น้อย บางคนมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วย แต่ก็พบน้อยลงไปอีก ทว่าผู้ได้รับเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ

ในส่วนของหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับเชื้อซิกานั้น นพ.ยงเจือ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาการแสดงออกเช่นเดียวกับผู้ได้รับเชื้อทั่วไป แต่ก็มีมารดาส่วนน้อยที่ถ่ายทอดเชื้อไปสู่ลูกได้ แต่เมื่อถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกแล้ว ก็มีส่วนน้อยที่จะทำให้ทารกในครรภ์มีภาวะ “สมองเล็ก”

นพ.ยงเจือ กล่าวว่า โรคติดเชื้อจากไวรัสซิกานี้เกิดมานานแล้ว โดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่อูกานดาและแทนซาเนีย ส่วนเมืองไทยพบผู้ป่วยติดโรคครั้งเมื่อปี พ.ศ.2503 อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการตรวจโรคที่ดีขึ้นทำให้รายงานการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ.2555 ไทยยังต้องส่งตัวอย่างไปตรวจที่ต่างประเทศ แต่ในปี พ.ศ.2559 สามารถตรวจได้ในห้องปฏิบัติการที่เมืองไทย

ด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดต่ออุบัติใหม่ สภากาชาดไทย และผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านการค้นคว้าและอบรมโรคติดต่อเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน กล่าวว่า เราเพิ่งทราบถึงอันตรายของไวรัสซิกาในปี พ.ศ.2559 นี้ โดยในเด็กทารกจะทำให้เกิดภาวะสมองเล็ก แต่ในผู้ใหญ่จะทำให้เกิดอาการทางสมองหรือประสาท

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ไวรัสซิกาชอบเด็กในครรภ์มากเป็นพิเศษ เมื่อเข้าสู่ร่างกายผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วจะใช้รกหรือสมองเด็กเป็นบ้านเพื่อปล่อยไวรัสต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำให้เด็กตาย ซึ่งเป็นความฉลาดของไวรัส เพราะสามารถอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ต่างจากไวรัสอื่นที่ฆ่าเจ้าบ้านให้ตาย พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการระบาดของไวรัสซิกาในเมืองไทยมานานแล้ว และเทคโนโลยีการตรวจที่ดีขึ้นอาจทำให้ “ยิ่งตรวจยิ่งเจอ”

ด้าน นพ.ปรีดา มาลาสิทธิ์ ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพแห่ชาติ (ไบโอเทค) สวทช.กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า น่าจะมีไวรัสซิกาในไทยมานานแล้ว ซึ่งไวรัสซิกานี้มีพันธุกรรมใกล้ชิดมากกับเชื้อไวรัสเด็งกี่ที่มียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งการที่เราอยู่กับเชื้อเด็งกี่มานานน่าจะเป็นบทเรียนสอนว่าเราจะอยู่กับเชื้อไวรัสซิกาอย่างไร

ส่วน ผศ.ดร.ชรินทร์ โหมดซัง อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์พยากรณ์อนาคตของการระบาดซิกาในไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยระบุว่าหากไม่ทำอะไรเลยและปล่อยให้เกิดการระบาดจะมีคนติดโรคร้อยละ 73.2-99.9 โดยคิดเป็นกรณีเลวร้าย เช่น เด็กหัวลีบ ผู้ใหญ่เป็นอัมพฤกษ์ -อัมพาตประมาณ 6,800 คน

แหล่งข้อมูล

1. คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ...พบ “ไวรัสซิกา” ในไทยมากว่า 50 ปีแต่ทำไมไม่ระบาดใหญ่?. http://www.manager.co.th/science/ViewNews.aspx?NewsID=9590000089649 [2016, September 14].