ไทโคพลานิน (Teicoplanin)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาไทโคพลานิน (Teicoplanin) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ป้องกันและรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย แกรมบวก (Gram positive bacteria) รวมถึงเชื้อที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะเมทิซิลลิน (Methicillin) เช่น เชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus และ Enterococcus faecalis ยานี้เป็นสารเคมีกลุ่มไกลโค เปปไทด์กึ่งสังเคราะห์ (Semisynthetic glycopeptide, กลุ่มยาปฏิชีวนะกลุ่มหนึ่ง) ซึ่งมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับยาปฏิชีวนะแวนโคมัยซิน (Vancomycin)

ไทโคพลานินเป็นยาที่ถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารได้ไม่ดีเท่าไรนัก จึงมีรูปแบบยาเป็นชนิดฉีดเท่านั้น ไม่มีชนิดรับประทาน การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อจะมีการกระจายตัวของยาได้ประมาณ 90% หากฉีดเข้าหลอดเลือดดำจะทำให้มีความเข้มข้นสูงสุดในพลาสมาภายในเวลาประมาณ 1 ชั่ว โมง ซึ่งเมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือดจะมีการจับตัวกับพลาสมาโปรตีน 90 - 95% และร่างกายต้องใช้เวลา 70 - 100 ชั่วโมงในการกำจัดยา 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านไปกับปัสสาวะ

เราสามารถพบเห็นการใช้ยานี้ในสถานพยาบาลต่างๆโดยมีชื่อการค้าว่า ‘Targocid’ การพิจารณาเลือกใช้ยาไทโคพลานินจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

ไทโคพลานินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

ไทโคพลานิน

ยาไทโคพลานินมีสรรพคุณดังนี้

  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียของเนื้อเยื่อและของผิวหนัง
  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในอวัยวะของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ (การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ)
  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงในข้อและในกระดูก
  • รักษาการติดเชื้อในกระแสเลือด/ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ
  • รักษาเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • ใช้เป็นยาร่วมในการรักษาโรคท้องเสียอันมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium difficile

ไทโคพลานินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาไทโคพลานินคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเซลล์วอลล์/ผนังเซลล์ (Cell wall synthesis) ในตัวแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียหยุดการเจริญเติบโตและไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้

ไทโคพลานินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาไทโคพลานินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาฉีดที่เป็นลักษณะยาผง (ใช้ละลายในสารละ ลาย/ตัวทำละลายเมื่อจะใช้ยา) ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม/ขวด

ไทโคพลานินมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาไทโคพลานินมีขนาดการบริหารยา/การใช้ยาดังนี้

ก. สำหรับรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจช่วงล่าง ระบบทางเดินปัสสาวะ:

ผู้ใหญ่: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 400 มิลลิกรัมครั้งเดียวในวันแรก จากนั้นฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือเข้าหลอดเลือดดำก็ได้ 200 มิลลิกรัมวันละครั้ง

ข. สำหรับรักษาการติดเชื้อในข้อ กระดูก การติดเชื้อในกระแสเลือด และในเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ:

ผู้ใหญ่: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 400 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมงเมื่อเริ่มใช้ยาจำนวน 3 ครั้ง จากนั้นฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าหลอดเลือดดำก็ได้ 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง

ค. สำหรับรักษาการติดเชื้อแกรมบวกในเด็ก:

  • เด็กอายุตั้งแต่ 2 เดือน - 16 ปี: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 10 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 12 ชั่วโมงในการเริ่มใช้ยาเป็นจำนวน 3 ครั้ง จากนั้นฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าหลอดเลือดดำก็ได้โดยใช้ขนาด 6 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละครั้ง
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 เดือน: การใช้ยานี้ในเด็กกลุ่มนี้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น

***** หมายเหตุ:

  • สำหรับสารละลาย/ตัวทำละลายที่สามารถนำไปใช้ละลายยาไทโคพลานิน จะต้องใช้ปริมาณตามที่แนะนำในเอกสารกำกับยานี้เท่านั้น ซึ่งสารละลายเหล่านี้เช่น
    • Sodium chloride 9 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
    • Ringer solution
    • Ringer Lactate solution
    • 5% Dextrose injection
    • 10% Dextrose injection
  • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาไทโคพลานิน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไทโคพลานินอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

ไทโคพลานินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาไทโคพลานินสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน มีไข้ หนาวสั่น รู้สึกไม่สบายในช่องท้อง อาจเกิดอาการแพ้ยา ตรวจเลือดพบความผิดปกติของเอนไซม์ในตับ มีผื่นคัน Stevens-Johnson syndrome ปวดแผลในบริเวณที่ฉีดยา

มีข้อควรระวังการใช้เทโคพลานินอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้เทโคพลานินดังนี้เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาแวนโคมัยซิน (Vancomycin)
  • ระวังการเกิดพิษต่อระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน (เส้นประสาทหู)
  • การใช้ยานี้เป็นเวลานานอาจเกิดภาวะการติดเชื้อของเชื้อโรคอื่นที่ไม่ตอบสนองหรือที่ดื้อต่อยาไทโคพลานิน
  • หากมีความจำเป็นต้องใช้ยานี้กับหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ควรให้นมบุตรด้วยนมผงดัด แปลงที่มีวางจำหน่ายและได้มาตรฐานตามเกณฑ์อายุของทารก
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไทโคพลานินด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ไทโคพลานินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาไทโคพลานินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นดังนี้เช่น

  • การผสมยาไทโคพลานินร่วมกับยาปฏิชีวนะตัวอื่นเช่น กลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminogly coside) จะทำให้เกิดภาวะตัวยาเข้ากันไม่ได้/จะไม่ผสมรวมกัน (Incompatible) หากมีความจำเป็น ต้องใช้ยาร่วมกันในการรักษาโรคต้องเตรียมไทโคพลานินแยกต่างหาก ห้ามนำไปผสมร่วมกับยาปฏิชีวนะตัวอื่นๆ
  • ยาที่สามารถเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับไทโคพลานินได้แก่ Amphoteracin-B (ยาปฏิชีวนะ), Cyclosporin, Cisplatin (ยาสารเคมี), Etacrynic acid (ยาขับปัสสาวะ) และ Furosemide
  • สำหรับหมวดยาปฏิชีวนะอื่นๆที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาไทโคพลานินได้แก่ ยาที่มีผล ข้างเคียงต่อการได้ยินของหู/ประสาทหู (เช่น Kanamycin, Tobramycin), ยาที่ทำลายหรือก่อให้เกิดผลเสียกับไต (เช่น Amikacin, Gentamicin), ยาที่ทำลายหรือก่อให้เกิดผลเสียกับระบบประสาท (เช่น Streptomycin)

ควรเก็บรักษาไทโคพลานินอย่างไร?

ควรเก็บยาไทโคพลานินภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius) สำหรับยาที่ใช้ผสมเป็นตัวทำละลายแต่ใช้ไม่หมดให้เก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียสและเก็บได้ไม่เกิน 24 ชั่ว โมง ห้ามเก็บยาและตัวทำละลายในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดดและความชื้น และเก็บยาและตัวทำละลายให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไทโคพลานินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาไทโคพลานินที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Targocid (ทาร์โกซิด)sanofi-aventis
Bacteplanin (แบคเทพลานิน)Lifecare innovations
Ticocin 400 mg (ทิโคซิน 400 มิลลิกรัม)Cipla Limited
Icop (ไอค็อป)Biosans Lifecare
Tecotop 400 mg (เทโคท็อป 400 มิลลิกรัม)Alna Biotech
Sonocid (โซโนซิด)Bison Biotec Pvt Ltd

บรรณานุกรม

1. http://en.wikipedia.org/wiki/Teicoplanin [2014,Dec27]
2. http://www.mims.com/USA/drug/info/teicoplanin/?type=full&mtype=generic[2014,Dec27]
3. http://www.mims.com/Thailand/drug/info/Targocid/?type=brief [2014,Dec27]
4. http://www.mims.com/THAILAND/Home/GatewaySubscription/?generic=teicoplanin [2014,Dec27]
5. http://druginfosys.com/Drug.aspx?drugCode=1050&drugName=Teicoplanin&type=1 [2014,Dec27]
6. http://www.medindia.net/doctors/drug_information/teicoplanin.htm[2014,Dec27]
7. https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/27321 [2014,Dec27]