ไข้ดำแดง (ตอนที่ 1)

ไข้ดำแดง

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า พบเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ป่วยเป็นโรคไข้ดำแดงและมีการหยุดเรียนในบางชั้นเรียนนั้น กรมควบคุมโรค ได้ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 9 นครราชสีมา ลงพื้นที่หลังจากได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคดังกล่าวทันที

โดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยให้โรงเรียนคัดกรองเด็กทุกเช้า ให้เด็กที่ป่วยหยุดเรียน ขอความร่วมมือผู้ปกครองเฝ้าระวังโรคและสังเกตอาการของบุตรหลานใกล้ชิด รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์ ของใช้ และของเล่นต่างๆ

นายแพทย์เจษฎา กล่าวว่า โรคไข้ดำแดงนั้นไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ “สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ” ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น คออักเสบ โรคติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สถานการณ์ของโรคไข้ดำแดงในปีนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม – 16 กุมภาพันธ์ 2560 มีผู้ป่วยแล้ว 243 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดเป็นเด็กช่วงอายุ 1-14 ปี ถึง 224 ราย หรือร้อยละ 92 ส่วนในปี 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,527 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเช่นกัน

นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า โรคไข้ดำแดงมักจะเกิดในเด็กอายุระหว่าง 2-8 ปี แต่กลุ่มอายุอื่นๆ ก็สามารถเกิดได้เช่นกัน อาการของโรคจะเริ่มจากมีอาการไข้ เจ็บคอ มีผื่นแดงตามลำคอ รักแร้ ลำตัว แขนหรือขา ลักษณะของผื่นเมื่อสัมผัสจะคล้ายกระดาษทราย ใบหน้าแดง ริมฝีปากซีด และอาจมีปื้นขาวที่ลิ้น ซึ่งภายหลังจะลอกออกทำให้ลิ้นมีลักษณะบวมแดง

ส่วนการติดต่อมักเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการหรือผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอยู่ หรือหายใจเอาละอองฝอยที่ติดเชื้อเข้าทางระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อผ่านการรับประทานอาหารก็พบได้แต่น้อย

นายแพทย์เจษฎา ได้แนะนำถึงการป้องกันโรคไว้ดังนี้

  1. สุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้ดำแดง
  3. สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาหากมีความจำเป็นต้องใกล้ชิดผู้ป่วย
  4. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า เครื่องนอน เป็นต้น
  5. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย
  6. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูกปาก
  7. หากพบเด็กป่วยควรแยกออกจากเด็กปกติทันที
  8. หากพบผู้ป่วยหลายคนควรแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

แหล่งข้อมูล

1. เตือนอย่าตระหนกไข้ดำแดง. http://www.thaihealth.or.th/Content/35577-เตือนอย่าตระหนกไข้ดำแดง.html [2017, April 1].