“ไกลโฟเสท” วายร้ายคู่จีเอ็มโอ (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 28 พฤษภาคม 2559
- Tweet
ไกลโฟเสทมีหลายรูปแบบ ทั้งในรูปของแข็งหรือของเหลวสีอำพัน และไกลโฟเสทสามารถคงอยู่ในดินได้เป็นเวลานานถึง 6 เดือน ขึ้นกับลักษณะอากาศและชนิดของดิน โดยสารนี้จะแตกตัวด้วยแบคทีเรียที่อยู่ในดิน ทั้งนี้ มีงานวิจัยว่า พืช เช่น แครอทและผักกาดหอม (Lettuce) สามารถดูดซึมสารนี้จากดินได้ด้วยเช่นกัน
มนุษย์อาจได้รับสารไกลโฟเสทได้โดย
- สัมผัสด้วยมือ เข้าตา หรือสูดหายใจ ระหว่างการใช้งาน
- กลืนสารโดยไม่ตั้งใจ เพราะไม่ได้ล้างมือก่อนกินหรือสูบ
- สัมผัสกับต้นพืชที่ยังเปียกชื้นจากการฉีดสารไกลโฟเสท
แม้สารไกลโฟเสทที่บริสุทธิ์จะมีความเป็นพิษ (Toxicity) ต่ำ แต่ส่วนใหญ่มักมีการผสมสารอื่นเข้าไปเพื่อให้ไกลโฟเสทสามารถซึมเข้าสู่ต้นพืชได้ สารเหล่านี้จึงทำให้เกิดความเป็นพิษมากขึ้น โดยอาการที่เกิดขึ้น ได้แก่
- ตาหรือผิวหนังระคายเคือง
- จมูกและคอระคายเคืองกรณีสูดหายใจเข้าไป
- มีน้ำลายมากขึ้น ปากและคอไหม้ กรณีกลืนเข้าไป
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย
- เสียชีวิต (กรณีที่ตั้งใจกลืนสารนี้เพื่อฆ่าตัวตาย)
เช่นเดียวกับมนุษย์ สัตว์ก็มีความเสี่ยงหากได้สัมผัสหรือกินพืชขณะที่เปียกชื้นหลังการฉีดพ่นสาร โดยอาจทำให้สัตว์มีอาการ
- น้ำลายไหลย้อย
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- เบื่ออาหาร
- เซื่องซึม
โดยปกติสารไกลโฟเสทที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่หากได้รับสารในปริมาณที่มากหรือการได้รับพิษสะสมมากๆ ก็สามารถทำลายร่างกายของเราแบบองค์รวม โดยเฉพาะโรคทางระบบประสาทส่วนกลาง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง พาร์กินสัน หรือแม้แต่ อัลไซเมอร์ ภาวะออติสติก
นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังได้แถลงผลการวิจัยและประกาศให้สารกำจัดศัตรูพืชไกลโฟเสทอยู่ในกลุ่มสารเคมีที่อาจก่อมะเร็ง และเริ่มมีงานวิจัยออกมามากขึ้นที่ชี้ว่าไกลโฟเสทน่าจะเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การแท้งลูก พิการแต่กำเนิด
แหล่งข้อมูล
1. Glyphosate. http://npic.orst.edu/factsheets/glyphogen.html [2016, June 27].
2. Glyphosate. http://pmep.cce.cornell.edu/profiles/extoxnet/dienochlor-glyphosate/glyphosate-ext.html [2016, June 27].