อาการชาและอ่อนแรงของแขนขา เป็นภาวะที่พบได้บ่อย ก่อให้เกิดความพิการถ้าผู้ป่วยมารับการรักษาล่าช้าหรือได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม การอักเสบของเส้นประสาทเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการชาและอ่อนแรงของแขนขา สาเหตุเกิดจากอะไร ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติอย่างไร ต้องรีบพบแพทย์หรือไม่ รักษาอย่างไร จะหายดีหรือไม่ ลองติดตามบทความนี้ครับ
โรคเส้นประสาทอักเสบ คือ โรคที่เกิดการอักเสบของเส้นประสาทส่วนปลาย (Peripheral nerve) โดยมีการอักเสบทั้งส่วนของปลอกหุ้มเส้นประสาท/ปลอกประสาท (Myelin sheath) และ/หรือ แกนกลางเส้นประสาท/แอกซอน(Axon) ส่งผลให้การนำกระแสไฟฟ้าของเส้นประ สาทส่วนปลายเสียไป จึงส่งผลให้มีอาการผิดปกติ มีอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
โรคเส้นประสาทอักเสบประกอบด้วย 2 ระยะ คือ
โรคซีไอดีพี พบได้ไม่บ่อย ประมาณ 1 - 2 รายต่อประชากร 100,000 คน และถ้าเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปพบได้ประมาณ 7 รายต่อประชากร 100,000 คน
สาเหตุของโรคซีไอดีพี เกิดจากความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่าง กาย ที่มีการสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคผิดปกติ แล้วภูมิคุ้มกันฯที่ผิดปกตินั้นมาทำลายเส้นประ สาทในส่วนของปลอกเยื่อหุ้มเส้นประสาท/ปลอกประสาทเป็นหลัก
โรคซีไอดี พบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง ผู้สูงอายุพบได้บ่อยกว่าคนอายุน้อย และผู้ที่พบเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป คือ ผู้ที่มีโรคเบาหวาน, โรคที่มีความผิดปกติของโปรตีนในเลือด, โรคมะเร็ง, โรคเอชไอวี, ผู้หญิงตั้งครรภ์ แต่ยังไม่มีข้อมูลการถ่ายทอดโรคนี้ทางพันธุกรรม
อาการของโรคซีไอดีพี ประกอบด้วย
ผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติดังกล่าวในหัวข้อ อาการ ที่เป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และ/หรืออาการเป็นนานมากกว่า 1 - 2 สัปดาห์ และเป็นอาการที่ไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ควรพบแพทย์/ไปโรงพยา บาลเสมอ เพื่อให้การดูแลและวินิจฉัยโรคต่อไป (แต่ถ้ามีอาการแขน ขาอ่อนแรงเป็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที)
แพทย์วินิจฉัยโรคซีไอดีพีได้จาก ลักษณะอาการทางคลินิกที่กล่าวในหัวข้อ อาการ เช่น อาการชา อาการอ่อนแรงของแขน ขา มือ เท้าทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับ การตรวจร่างกาย การตรวจร่างกายทางระบบประสาท พบความผิดปกติดังกล่าว เช่น พบมีอาการชาและอ่อนแรงของแขนขาจริง ตรวจรีเฟล็กซ์ (Reflex) จะพบว่า ผิดปกติทั้งแขนและขาทั้งสองข้าง ซึ่งอาการต่างๆดัง กล่าวจะค่อยๆเป็นมากขึ้น ใช้เวลาในการดำเนินโรคนานมากกว่า 6 สัปดาห์
หลังจากได้ทราบประวัติทางการแพทย์และจากการตรวจร่างกาย แพทย์ก็จะพิจารณาส่งตรวจกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ (การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ) การส่งตรวจเลือดดูค่าโปรตีนและสารต่างๆ และเจาะตรวจหาความผิดปกติของน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (การเจาะหลัง)
ก. การตรวจกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ จะสามารถบอกแยกได้ว่า ผู้ ป่วยมีความผิดปกติของเส้นประสาทหรือของกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าเป็นโรคซีไอดีพี ก็จะตรวจพบว่ามีความผิดปกติของเส้นประสาทเป็นหลัก และสามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดปกติของปลอกเยื่อหุ้มเส้นประสาท/ปลอกประสาท (Myelin sheath) หรือ แกนหลักของเส้นประสาท/แอกซอน (Axon) โดยไม่พบความผิดปกติของกล้ามเนื้อ
ข. การตรวจเลือด มีวัตถุประสงค์หลัก คือ
ค. การตรวจน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (การเจาะหลัง) มีความสำคัญมากเพราะเป็นลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของการวินิจฉัย คือ จะตรวจพบลักษณะเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนไม่สูง และพบโปรตีนมีระดับสูงขึ้น
ง. การวินิจฉัยโรคซีไอดีพี ไม่จำเป็นต้องตรวจเอมอาร์ไอระบบประสาท ยกเว้นแพทย์จะมีวินิจฉัยแยกโรคที่คิดว่าเกิดจากการกดทับของเส้นประสาทจึงจะส่งตรวจ
โรคหรือภาวะที่มีลักษณะคล้ายกันและจำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคออกจากโรคซีไอดีพี คือ
การรักษาโรคซีไอดีพีประกอบด้วย
การพยากรณ์โรคหรือผลการรักษาโรคซีไอดีพี อยู่ในเกณฑ์ดีในระดับหนึ่ง ประมาณ 60 -75% ตอบสนองต่อการรักษาและได้ผลดี ส่วนที่เหลือต้องใช้ยาหลายชนิดในการรักษาร่วมกับการทำกายภาพบำบัด
ผู้ป่วยกลุ่มที่ตอบสนองต่อการรักษาดีนั้น มีโอกาสรักษาหายเป็นปกติได้มากกว่า 50% ผู้ที่ไม่หายดีอาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงของกล้ามเนื้อเล็กน้อย
ส่วนผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษานั้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการให้ยากดภูมิคุ้มกันฯและการฟอกเลือด หรือการให้ยาอิมมูโนกลอบบลูลิน ซึ่งก็ให้ผลการรักษาที่ไม่ดีนัก และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรักษา ขึ้นกับหลายปัจจัย ที่สำคัญ คือ ความรุนแรงของโรค, โรคร่วมที่พบด้วย เพราะจะเป็นตัวจำกัดวิธีการรักษา เช่น เป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย การให้ยาสเตีย รอยด์ก็จะให้ได้ลำบาก เพราะทำให้มีระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น และโรคเบาหวานเองก็มีผลเสียต่อเส้นประสาทอยู่แล้วด้วย, และผู้ที่มีอายุมากก็ตอบสนองต่อการรักษาที่ไม่ดี
อนึ่ง ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีโอกาสเป็นซ้ำได้ คือประมาณ 10% ของผู้ป่วยทั้งหมด กรณีที่เป็นซ้ำนั้นผลการรักษาก็ไม่ดี และยังไม่ทราบแน่ชัดถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคเกิดเป็นซ้ำ
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของโรคซีไอพีดี คือ อาการอ่อนแรงที่ไม่หายเป็นปกติ ส่งผลให้เดินไม่สะดวก กล้ามเนื้อลีบ และอาการปวดเหตุจากเส้นประสาทอักเสบ
การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคซีไอดีพี ประกอบด้วย
ควรพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อ
โรคซีไอดีพีไม่สามารถป้องกันได้ แต่ถ้าท่านเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น รูสึกชา แขน ขา หรืออ่อนแรงเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรืออาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ก็ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อให้การตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่มมีอาการ ซึ่งจะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น