โนโรไวรัส (ตอนที่ 1)

โนโรไวรัส

นายประพันธ์ ใยบุญมี หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักเรียนของโรงเรียนแม่พระประจักษ์กว่า 30 ราย มีอาการจุกเสียด แน่นท้อง ปวดท้อง และอาเจียนอย่างรุนแรงต้องส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ 17 นั้น

หลังจากเกิดเหตุแล้ว ทีมชุดสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (Surveillance Rapid and Respond Teams) ได้ลงพื้นที่มาเก็บตัวอย่างอาหาร น้ำดื่ม และอาเจียนของผู้ป่วยส่งตรวจเพื่อไปพิสูจน์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้ระบุผลการตรวจพิสูจน์ออกมาอย่างแน่ชัดว่า 2 ใน 3 ของอาเจียน พบสารพันธุกรรมของโนโรไวรัส ส่วนในอาหารและน้ำดื่มยังคงต้องรอผลการตรวจต่อไป

นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนฝากเตือนภัยและขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ไปตามสถานศึกษา โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กต่างๆ ว่าช่วงระหว่างรอผลแล็บจากน้ำ 3 จุด ได้แก่ น้ำแข็ง น้ำก๊อก น้ำขวด ว่าพบเชื้อปนเปื้อนหรือไม่นั้น ให้ดำเนินการมาตรการความปลอดภัยทางด้านอาหารอย่างเข้มงวด

ปกติโนโรไวรัสจะอยู่ในตัวคน ทนต่อแอลกอฮอล์ แต่คลอรีนหรือน้ำยาล้างห้องน้ำนั้นสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ อย่างไรก็ตามเชื้อแค่เล็กน้อยก็อาจก่อโรคได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการเตือนภัยให้เครือข่ายทุกแห่งเข้าไปหาทางป้องกันในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ความรับผิดชอบของทุกๆ ที่ให้เข้มงวดหลังทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคนี้ หรือแม้แต่การสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น อุจจาระ อาเจียน ก็สามารถติดได้

นายประพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ หากมีผู้ป่วยหรือเด็กนักเรียนมีอาการคล้ายกับโรคนี้จึงต้องดูแลรักษาตามอาการ ในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก ก็อาจทำให้เกิดการช็อก ความดันโลหิตต่ำ เสียชีวิตได้ ขอให้ทุกโรงเรียนรีบพานักเรียนที่มีอาการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การป้องกันโดยทั่วไปคือ การใส่ใจในสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และใช้หลักสุขบัญญัติ 10 ประการ

เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบในท้องหรือลำไส้ ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute gastroenteritis) เราสามารถพบเชื้อได้ในอุจจาระก่อนที่จะเริ่มรู้สึกป่วย และเชื้อจะสามารถอยู่ในอุจจาระได้นานถึง 2 สัปดาห์ หลังจากที่อาการดีขึ้น

หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control = CDC) ได้ประเมินว่า 1 ใน 5 ของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันมีสาเหตุเกิดจากเชื้อโนโรไวรัส โดยทุกปีมีผู้ป่วย 685 ล้านรายที่เกิดกรณีติดเชื้อ โดย 200 ล้านรายเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กประมาณ 50,000 รายต้องเสียชีวิตในแต่ละปี โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

บรรณานุกรม

1. เตือนภัยเชื้อโนโรไวรัส ปนเปื้อนในอาหาร-น้ำดื่ม แอลกอฮอล์ก็ฆ่าไม่ตาย. http://www.thairath.co.th/content/812372 [2017, February 23]

2. Norovirus. https://www.cdc.gov/norovirus/ [2017, February 23]