แลโลกแบบแห้งแล้ง (ตอนที่ 1)

แลโลกแบบแห้งแล้ง

ในช่วงสองสามปีมานี้ จำนวนผู้ป่วยด้วยอาการตาแห้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งปริมาณการใช้น้ำตาเทียมก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทางการแพทย์พบว่า คนจำนวนมากยังคงเข้าใจผิดว่าการหยอดน้ำตาเทียมก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้น หรือบางคนถึงขั้นต้องใช้น้ำตาเทียมตลอด ชนิดที่ขาดไม่ได้เลย จนเกิดเป็นข้อโต้แย้งในวงกว้างเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้น้ำตาเทียมที่ไม่ถูกต้อง

หลายคนคิดว่าเมื่อมีอาการตาแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา แต่แท้จริงแล้ว นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสายตาแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อกระจกตาด้วย

หากคุณเป็นผู้ที่ต้องใช้น้ำตาเทียมปริมาณมากเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง ควรตรวจสอบตัวเองว่ามีพฤติกรรมการใช้สายตาไม่เหมาะสมหรือไม่ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาที่ปราศจากสารกันเสีย เช่น น้ำตาเทียมชนิดใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเปิดใช้ และไปตรวจว่าเป็นโรคอื่นๆ ที่เป็นต้นเหตุของอาการตาแห้งหรือเปล่า

ควรระวังยาหยอดตาบางประเภทที่ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่น้ำยาที่ลดการหดตัวของหลอดเลือดเท่านั้น โดยผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดทั่วไปมักมีส่วนผสมของตัวยาแนฟาโซลีน (Naphazoline) และเตตราไฮโดรโซลีน (Tetrahydrozoline) ซึ่งแม้จะทำให้หลอดเลือดคลายตัวได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลให้การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ การไหลเวียนเลือดขาดการควบคุมทำให้ตาแดงกว่าเดิมในที่สุด

และยาหยอดตาบางประเภทมักมีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะสเตียรอยด์หรือสารกันเสียในปริมาณมากเกินไป หากใช้ไม่ถูกวิธีย่อมก่อให้เกิดอันตรายเพราะจะทำให้แบคทีเรียดื้อยา ทั้งยังนำไปสู่ภาวะความดันลูกตาสูงหรือโรคต้อหินได้

นอกจากนี้ หากดวงตาสัมผัสสารกันเสียมากเกินไป เลนส์กระจกตาจะถูกทำลายและเป็นอันตรายมาก ยาเหล่านี้สามารถใช้เป็นครั้งคราวได้บ้าง หากจำเป็น แต่อย่าใช้ในปริมาณมาก หรือใช้เป็นประจำทุกวันเด็ดขาด หากเกิดอาการตาแห้ง ตาล้าบ่อยๆ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมจะดีกว่า

น้ำตา เป็นของเหลวหรือสารคัดหลั่งที่สร้างจากต่อมน้ำตา มีลักษณะเป็นแผ่นน้ำตา/ฟิล์มน้ำตา (Tear film) โดยฟิล์มน้ำตาที่ฉาบผิวลูกตามีอยู่ 3 ชั้น ได้แก่

  • ชั้นไขมัน (Oily layer)– ผลิตโดยต่อมมัยโบเมียน (Meibomian glands) มีหน้าที่หลักคือ ป้องกันการระเหยของน้ำตา และทำให้ลูกตาชุ่มชื้นตลอดเวลา
  • ชั้นสารน้ำ (Watery layer) ผลิตโดยต่อมน้ำตา (Lacrimal glands) มีหน้าที่ทำความสะอาดตาและล้างสิ่งแปลกปลอมออกจากตา
  • ชั้นเมือก (Layer of mucus) ผลิตโดยเยื่อบุตา/เยื่อตา (Conjunctiva) มีหน้าที่ช่วยให้น้ำตากระจายไปทั่วตาเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น หากไม่มีชั้นเมือก น้ำตาจะไม่สามารถคงในลูกตาได้

โดยปกติดวงตาจะทำความสะอาดตัวเองด้วยน้ำตาซึ่งจะมีการผลิตน้ำตาในอัตราคงที่อย่างช้าๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ดวงตา และผลิตน้ำตาในปริมาณที่มากเมื่อมีการระคายเคืองหรือมีอารมณ์มากระทบ

แหล่งข้อมูล

1. ระวัง! ยาหยอดตาและน้ำตาเทียมเป็นภัยต่อกระจกตามากที่สุด. http://manager.co.th/GoodHealth/ViewNews.aspx?NewsID=9590000053341 [2016, June 10].

2. Dry Eyes. http://www.aao.org/eye-health/diseases/what-is-dry-eye [2016, June 10].