เด็กแอลดี ลูกผีหรือลูกคน (ตอนที่ 5 และตอนจบ)

พัฒนาการของเด็กอาจไม่แสดงออกในความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning disabilities : LD) จนกว่าเด็กจะโตขึ้น แต่ถ้าคุณค้นพบเรื่องนี้ได้ในขณะที่เด็กยังเล็กอยู่ การบำบัดรักษาก็จะง่ายขึ้น คุณรู้จักลูกของคนดีกว่าผู้อื่น ดังนั้น ถ้าคุณสงสัยว่าลูกคุณอาจมีปัญหาดังกล่าว จงรีบให้มีการประเมินทดสอบโดยกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญพัฒนาการเด็ก

สิ่งที่พ่อแม่ พีงปฏิบัติต่อลูกที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้หรือเด็กแอลดีได้ก็คือ การให้ความรักความเข้าใจในตัวลูก ซึ่งก็มีเคล็ดลับดังต่อไปนี้

  • เรียนรู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับลูกที่เป็นแอลดีและผลกระทบที่มีต่อขั้นตอนการเรียนรู้ของลูกเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่พ่อแม่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการรักษาลูก
  • คอยสนับสนุนและช่วยเหลือลูกตามแผนการเรียนการสอนเฉพาะบุคคล (Individualized education program : IEP) ของลูก
  • ดูแลลูกให้มีสุขภาพที่ดี เด็กที่สามารถนอนได้มากในตอนกลางคืน รับประทานครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายมาก จะเป็นเด็กที่มสุขภาพดีทั้งทางร่างกายและทางด้านจิตใจ
  • คอยเอาใจใส่ต่ออารมณ์ของลูก เพราะเด็กแอลดีมักจะมีอาการหดหู่ซึมเศร้า เช่น ขี้หงุดหงิด มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการนอน หรือความอยากอาหาร หรือไม่มีความสนใจในกิจกรรมที่ทำปกติเป็นประจำ

มีงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ระบุว่าเด็กที่พบสารโลหะหนักแคดเมียม (Cadmium)) ในปัสสาวะมักมีอาการบกพร่องทางการเรียนรู้ สารแคดเมียมเป็นสารโลหะหนักที่เกิดในดินตามธรรมชาติ เด็กมักได้รับสารนี้โดยผ่านทางอาหาร เช่น เมล็ดพืช (Grains) ผักจำพวกพืชมีหัว เช่นเดียวกับการได้รับควันบุหรี่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีสารแคดเมียมอยู่ในของเล่นเด็กและเครื่องเพชรพลอย

จากผลวิจัยที่ได้จากการศึกษาเด็กเกือบ 2,200 คน ที่มีอายุระหว่าง 6-15 ปี พบว่าเด็กที่มีสารแคดเมียมในปัสสาวะสูงมักเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้หรือจำเป็นต้องได้รับการศึกษาพิเศษเฉพาะ เมื่อเทียบกับเด็กที่มีสารแคดเมียมในปัสสาวะที่ระดับน้อยกว่า

อย่างไรก็ดี นักวิจัยคือ นพ. Robert Wright ซึ่งเป็นนักกุมารเวชศาสตร์แห่ง Harvard Medical School ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การที่เด็กได้รับสารแคดเมียมก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะต้องมีความบกพร่องทางการเรียนรู้เสมอไป เพียงแต่เรามักพบว่าเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้มักเป็นเด็กที่มีสารแคดเมียมมากกว่าเด็กที่ไม่มี

นพ. Robert Wright กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะคุมสารแคดเมียมในอาหารได้ เพราะมันเป็นการปนเปื้อนที่ได้รับจากแหล่งดินที่ปลูก ดังนั้นทางที่ง่ายกว่าก็คือการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ในเด็ก อย่างไรก็ดีผลการวิจัยยังมีความสับสนอยู่พอสมควร ซึ่งจะต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมต่อไปอีก

นพ. Jerome Paulson กรรมการของสถาบันส่งเสริมสุขภาพเด็ก (Children’s Health Advocacy Institute) ซึ่งอยู่ภายใต้ศูนย์การแพทย์เฉพาะเด็กแห่งชาติ (Children’s National Medical Center) ที่กรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ยังมีความสับสนในผลการศึกษาว่า สารแคดเมียมมีผลกระทบต่อกระบวนการรับรู้ทางประสาท (Neurocognitive) ของเด็กหรือไม่ ทั้งนี้เนื่องจาก นักวิจัยหลายแห่งมักอ้างอิงจากรายงานของพ่อแม่ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้อง 100% นัก

แหล่งข้อมูล:

  1. Detecting Learning Disabilities. http://children.webmd.com/detecting-learning-disabilities [2012, July 26].
  2. Study Links Cadmium Exposure to Learning Disabilities in Kids. http://children.webmd.com/news/20120127/study-links-cadmium-exposure-learning-disabilities-kids [2012, July 26].