เข้าครัวกับโภชนากร (โรงพยาบาล) :ตอน อาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ตอนที่ 1
- โดย ภัคจิรา เบญญาปัญญา
- 14 ธันวาคม 2556
- Tweet
หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับสารอาหารที่ดี และมีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมบูรณ์ สามารถที่จะห่อหุ้มเป็นเกราะป้องกันทารกในครรภ์ให้ปลอดภัยจากสิ่งรบกวนที่เป็นอันตราย เพราะการขาดอาหารของแม่ มีผลต่อการพัฒนาของทารกทั้งด้านร่างกายและสมอง นอกเหนือจากพันธุกรรม ซึ่งอาจมีผลอย่างถาวร นอกจากนั้นแล้วอาหารที่กินเข้าไป ส่วนหนึ่งก็จะถูกส่งต่อให้กับทารกในครรภ์ได้นำไปพัฒนาอวัยวะต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์พร้อมในตลอดทั้ง 9 เดือน หรือประมาณ 40 สัปดาห์ จนกว่าจะคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย
สารอาหาร | ผลต่อสุขภาพ | แหล่งอาหาร |
---|---|---|
กรดโฟลิค | ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ช่วง 2-3 เดือนก่อนคลอด | ผักใบเขียว บล็อกโคลี่ ตับ ถั่วเขียว ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง มันฝรั่ง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ส้ม นม และไข่ การรับประทานผักควรเลือกรับประทานแบบสด หรือผ่านการลวกเร็วๆ เพราะความร้อนจะทำลายกรดโฟลิคในผักใบเขียว |
ธาตุเหล็กและวิตามินซี | ธาตุเหล็กเป็นหนึ่งในสารอาหารหลักที่คุณแม่ต้องการตลอดเวลาในช่วงการตั้งครรภ์ เพราะเป็นสารสำคัญในการช่วยให้ออกซิเจนไหลเวียนไปกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกน้อยในครรภ์ใช้ในการพัฒนาสมอง หากขาดธาตุเหล็ก ลูกในครรภ์อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ตัวคุณแม่ จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโลหิตจางซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย และไม่สบาย | เนื้อสัตว์ต่างๆ เนื้อปลา ไข่ ผลไม้แห้ง ซีเรียล ธัญพืช และผักใบเขียว ธาตุเหล็กจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี หากคุณแม่รับประทาน ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงไปพร้อมกัน จะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น |
กรดไขมัน-โอเมก้า3 | การได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ระหว่างการตั้งครรภ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นสารที่ช่วยให้ระบบประสาทของลูกน้อยพัฒนาได้ดี ทั้งยังช่วยป้องกันโรคหัวใจให้กับคุณแม่ได้ นอกจากนั้น จากการศึกษาพบว่าการได้รับไขมันโอเมก้า ระหว่างการตั้งครรภ์จะทำให้ลูกน้อยฉลาดขึ้นอีกด้วย | ปลาซาร์ดีน และปลาแซลมอน ต่างก็มีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่สูง แต่คุณแม่ก็ไม่ควรรับประทานมากกว่า 2 ช้อนโต๊ะต่อสัปดาห์ เพราะอาจมีระดับของสารปรอทตกค้างสูงในเนื้อปลาได้ กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถรับประทานจากแหล่งอื่น เช่น เมล็ดฟักทอง หรือถั่วเหลือง ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน |
วิตามินเอ(เบต้าแคโรทีน) | เพิ่มการทำงานของเซลล์ที่ดักจับเชื้อโรค | แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ พริกหยวกสีแดง สีเหลืองและสีส้ม มะม่วงสุก มะละกอสุก แคนตาลูป มันฝรั่งหวาน เป็นต้น |
ไอโอดีน | การขาดไอโอดีน อาจก่อให้เกิดภาวะแท้งหรือตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพิ่มอัตราป่วยและอัตราตายในทารกช่วงอายุ 28 สัปดาห์ในครรภ์ จนถึง 28 วันแรกหลังคลอด ปัญญาอ่อนอย่างถาวร เชาว์ปัญญาลดลง สูญเสียการได้ยิน และมีความผิดปกติทางระบบประสาทและการเคลื่อนไหว | อาหารทะเลต่างๆ เกลืออนามัย เกลือเสริมไอโอดีน |
คุณแม่ควรจะดูแลน้ำหนัก มากน้อยเท่าไร?
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าคุณแม่จะมีน้ำหนักตัวขึ้น ในระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะคุณแม่มีทารกน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในท้อง แต่ถ้าคุณแม่มีน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ที่ปกติและมีการเผาผลาญที่ดี น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตอนตั้งครรภ์ควรอยู่ที่ 10 - 13 กก. เท่านั้น
สำหรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น เฉพาะในระยะตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก น้ำหนักควรเพิ่มประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม หลัง 3 เดือน น้ำหนักแม่ควรเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 1.5 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดัชนีมวลกายของแม่ก่อนตั้งครรภ์ ดังนี้
ดัชนีมวลกายก่อนตั้งครรภ์ | น้ำหนักตัวที่ควรเพิ่มระหว่างตั้งครรภ์ (กิโลกรัม) |
---|---|
19.8 | 12.5-18 |
19.8-26 | 11.5-16 |
>26-29 | 7-11.5 |
ขอจบอาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ตอนที่ 1 ก่อนะคะ ครั้งหน้าจะเป็นตอนที่ 2 คะ
แหล่งข้อมูล:
- จรรยาภรณ์. อาหารที่ดีต่อสุขภาพตั้งครรภ์ [ อินเตอร์เน็ต].[เข้าถึงเมื่อ13 มีนาคม 2556].เข้าได้จาก www.dumex.co.th › dads › Pages.
- ประไพศรี ศิริจักรวาล. อาหารและโภชนาการกับวงจรชีวิต.การประเมินตนเองสู่การเป็นนักกำหนดอาหารวิชาชีพ:เมตตาก๊อปปี้ปริ้น; พศ. 2551.หน้า30-30.
- พวงน้อย สาครรัตนกุล .โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์[ อินเตอร์เน็ต].[เข้าถึงเมื่อ13 มีนาคม 2556].เข้าได้ http://www.doctor.or.th/article/detail/3591.