หูตึงเพราะตัวเอง (ตอนที่ 7)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 25 มีนาคม 2561
- Tweet
1. ใช้วิธีอื่นในการสื่อสารติดต่อ เช่น
- การอ่านริมฝีปาก (Lip-reading)
- การใช้ภาษาสัญญลักษณ์ (Sign language) เช่น ภาษามือ การแสดงออกทางสีหน้า และภาษาร่างกาย
สำหรับการป้องกันการสูญเสียการได้ยินนั้น แม้จะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่เราสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการทำลายการได้ยินได้ด้วยการ
1. หลีกเลี่ยงเสียงดังให้มากที่สุด – โดยระดับเสียงดังจะถูกวัดเป็นหน่วยเดซิเบล (Decibels = dB) ยิ่งเสียงดังมาก ระดับเดซิเบลจะมาก โดยระดับถือว่าเป็นอันตรายก็คือ ระดับเสียงที่เกิน 85 dB โดยเฉพาะกรณีที่ต้องฟังเสียงเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ ตัวอย่างของระดับเสียง เช่น
ระดับเสียงที่ทำให้ปวดหู (Painful)
- 150 dB = เสียงจุดพลุที่ห่าง 3 ฟุต
- 140 dB = เสียงปืน เครื่องยนต์ไอพ่น (Jet engine)
- 130 dB = เครื่องเจาะหินด้วยแรงอัดของอากาศ (Jackhammer)
- 120 dB = เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า เสียงหวอ (Siren)
ระดับเสียงที่ดังมากสุด (Extremely Loud)
- 110 dB = ระดับเสียงสูงสุดของเครื่องเล่น MP3 (MP3 players) เครื่องบินเล็ก (Model airplane) เลื่อยที่มีใบเลื่อยหมุนต่อเนื่องกันโดยใช้มอเตอร์ (Chain saw)
- 106 dB = เครื่องตัดหญ้า (Gas lawn mower)
- 100 dB = สว่านมือ (Hand drill) เครื่องเจาะที่ใช้ลม (Pneumatic drill)
- 90 dB = รถใต้ดิน (Subway) รถมอเตอร์ไซด์ (Passing motorcycle)
ระดับเสียงดังมาก (Very Loud)
- 80–90 dB = เครื่องเป่าผม (Blow-dryer) เครื่องปั่นอาหาร (Kitchen blender)
- 70 dB = การจราจรที่คับคั่ง (Busy traffic) เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum cleaner) นาฬิกาปลุก (Alarm clock)
แหล่งข้อมูล:
- Hearing loss. https://www.nhs.uk/conditions/hearing-loss/ [2018, March 24].