สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: ยาลดความดันตา
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 12 พฤศจิกายน 2557
- Tweet
การรักษาต้อหิน ที่มีความดันตาสูงด้วยยา มักชอบใช้ในโรคต้อหินเรื้อรัง หรือต้อหินมุมเปิด โดยเริ่มรักษาด้วยยาก่อน หากยาไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยมีปัญหาในการใช้ยา ทั้งไม่สะดวกที่จะใช้ยาหรือมีผลข้างเคียงจากยามาก การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ ตลอดจนการผ่าตัด เป็นทางเลือกอันดับต่อไป ทั้งนี้เพราะการใช้ยาสะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
ยาที่ใช้ในการลดความดันตา
แบ่งยาที่ใช้ในการลดความดันตาเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
- กลุ่มที่ลดการสร้างของน้ำในลูกตา
- กลุ่มที่ขยายทางออกหรือท่อที่น้ำในลูกตา ออกจากตา ทำให้น้ำไหลออกจากตาได้ดีขึ้น ลดความดันตาลงได้
ยากลุ่มลดการสร้างน้ำในลูกตา ได้แก่:
- กลุ่ม เบต้าบลอก (Beta block) ได้แก่ยาที่มีขายตามท้องตลอด เช่น Timolol, Timoptal, Glauco oph เป็นต้น กลุ่มนี้ต้องใช้วันละ 2 ครั้ง เพราะมีฤทธิ์อยู่ได้ 12 ชั่วโมง ลดความดันได้ระดับหนึ่ง แต่อันตรายสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคหอบหืด โรคปอด และโรคหัวใจที่รุนแรง อาจใช้ยากลุ่มนี้ อีกตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า beta-1 selective beta block ได้แก่ Betaxolol เป็นต้น หรือเปลี่ยนไปใช้ยากลุ่มอื่น
- กลุ่มยา Carbonic anhydrase inhibitor (CAI) เป็นยาในกลุ่ม sulfa ผู้แพ้ sulfa ต้องงดยาขนานนี้ ซึ่งมีทั้งในรูปยารับประทาน เช่น dianox, methazolamide ยากลุ่มนี้เมื่อใช้มาก อาจก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ อ่อนเพลีย สูญเสียสารโพแทสเซี่ยม ผู้สูงอายุมักเกิดอาการเบื่ออาหาร ชาปลายมือปลายเท้า น้ำหนักลด อาการเหล่านี้มีมากในรูปยารับประทาน ยากุล่มนี้ในรูปยาหยอด ได้แก่ ตัวยา Dorzolamide, Brinzolamide ซึ่งควรระมัดระวังในผู้ป่วยแพ้ยา sulfa ต้องหยอดวันละ 2-3 ครั้ง
- กลุ่มยา adrenergic agonist ได้แก่ยา brimonidine ผู้ป่วยอาจมีอาการแพ้ ตาแดงมากกว่ายากลุ่มอี่น แสบตา เคืองตาเวลาหยอด แต่ค่อนข้างปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับยากลุ่มอื่น
กลุ่มเพิ่มการไหลออก: ประกอบด้วยตัวยา 2 กลุ่ม
- กลุ่มขยายท่อที่เป็นทางไหลออกบริเวณ trabecular meshwork ได้แก่ยา pilocarpine (มักมีจุกสีเขียว) นอกจากขยายทางออกแล้ว ยากลุ่มนี้ทำให้ม่านตาหดด้วย ปัจจุบัน ไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะม่านตาหดลงทำให้ผู้ป่วยต้อหินที่มีต้อกระจกร่วมด้วย เพราะต้อทั้ง 2 ชนิด มักเกิดในผู้สูงอายุ จึงอาจตาจะยิ่งมัวลงเมื่อหยอดยา นอกจากนี้ ยาตัวนี้มักทำให้ ตาแดง ปวดตา เวลาหยอด อีกทั้งยามีฤทธิ์สั้น ต้องหยอดวันละ 3-4 ครั้ง
- กลุ่ม prostaglandin ได้แก่ ยาที่มีในท้องตลาดบ้านเรา ได้แก่ Lumigan, Travatan, Xalatan ยาในกลุ่มนี้เพิ่มการไหลเวียนของน้ำในลูกตาให้ออกจากทาง uveoscleral (ด้านหลังลูกตา) ข้อดีของยากลุ่มนี้คือ มีฤทธิ์อยู่นานถึง 24 ชั่วโมง ทำให้หยอดวันละครั้งเท่านั้น แต่ไม่เหมาะที่จะใช้ในตาที่แดงหรือมีการอักเสบหลังผ่าตัด ปัจจุบันนิยมใช้ตัวยานี้เพื่อความสะดวกของผู้ป่วยที่หยอดเพียงวันละครั้ง อีกทั้งลดความดันตาได้ดีกว่ากลุ่มอื่น
อนึ่ง ปัจจุบันมีการผลิตยาเพื่อความสะดวกของผู้ป่วย โดยนำยา 2 อย่างอยู่ในขวดเดียวกัน เช่น ยาในกลุ่ม prostaglandin รวมกับ betablock เช่น Duotrav, Goungforte, Xalacom หรือ betablock ร่วมกับ Dorzolamide เช่น Cosopt ทำให้หยอดยาจำนวนครั้งลดลง สะดวก และโอกาสขาดยาลดลง ทำให้การควบคุมความดันตาทำได้ดีขึ้น