อันตรายต่อดวงตาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic radiation eye injury)

สาระน่ารู้จากหมอตา

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ให้รังสีขนาดต่างๆ แต่ละขนาดความยาวคลื่น มีผลต่อตาแตกต่างกัน ได้แก่

  1. แสงที่เห็นด้วยตา (visible light) มีขนาดความยาวคลื่น 400 – 700 nm เป็นสาเหตุของโรคตาที่กล่าวกันว่าเกิดจากความเสื่อม

    1.1 ในชีวิตประจำวันของคนเรา สัมผัสรังสีกลุ่มนี้ซึ่งมีส่วนทำให้เราเป็นโรคตาจากความเสื่อมในทุกวันนี้ ได้แก่ ต้อกระจก ต้อเนื้อ จอตาเสื่อม เป็นต้น

    1.2 มีข้อสังเกตว่าผู้คนบางอาชีพที่ต้องทำงานในที่แจ้งหรือที่สูง เช่น ชาวประมง มีโอกาสสัมผัสรังสีนี้มากกว่าคนปกติ

    1.3 ผู้ที่ใช้เรือหรือเดินทางเรือ มีการศึกษาพบโรคต้อกระจก ต้อเนื้อ จอตาเสื่อมในอายุที่น้อยกว่าคนทั่วไป

  2. รังสี ultraviolet ที่เรียกกันว่า UV มีความยาวคลื่น 100–400 nm (UVA 400–320 nm) , UVB 320 – 290 nm , UVC 290–100 nm) โดย UVC ถูกกันไว้ในชั้นบรรยากาศ

    2.1 UVB มีการศึกษาพบว่าทำให้เกิดต้อกระจก

    2.2 ทั้ง UVA และ UVB ทำให้เกิดต้อเนื้อและ droplet keratopathy ในระยะยาว ในระยะสั้นทำให้เกิด keratoconjuctivitis ได้

  3. Infrared ความยาวคลื่น 700-1400 nm เป็นรังสีที่ออกมาจากการหลอมแก้วหรือโลหะหลอมละลาย ทำให้เกิดต้อกระจกในคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดย iris จะซับรังสีนี้ไว้ เกิดความร้อนจนทำให้เกิดความผิดปกติที่แก้วตา ก่อให้เกิดต้อกระจกตามมา บางรายทำให้เกิดรอยแยกของ anterior lens capsule ที่เรียกกันว่า true exfoliation
  4. Microwave ชนิดที่มีความยาวคลื่น 150-10,000 MHz อาจมีผลต่อตาและอัณฑะ โดยทางตาพบจากการทดลองว่า ก่อให้เกิดต้อกระจกในสัตว์ ในคนที่ทำงานเกี่ยวกับ radar ในบุคลากรทางทหาร ยังไม่แน่ชัดว่าก่อให้เกิดต้อกระจกหรือไม่ แต่มีรายงานบ้างในกรณีที่สัมผัส microwave อย่างแรงจากอุบัติเหตุ
  5. Laser ในปัจจุบันมีการนำมาใช้ทางอุตสาหกรรมและทางการแพทย์มากมาย แสงเหล่านี้มีแนวโน้มทำอันตรายต่อตาหากเอาตาไปโฟกัสแสงนี้โดยตรง เลเซอร์ที่ใช้ทางการแพทย์แต่ละชนิดมีผลต่อตาแตกต่างกัน เช่น

    5.1 Nd : YAG ทำให้เกิดแผลไหม้และ tissue ฉีกขาด เช่น ตัด iris ตัด capsule ของ lens

    5.2 Carbondioxide laser ทำลายกระจกตาและตาขาวได้

    5.3 Argon และ dye laser ก่อให้เกิด photochemical และ thermal injury ต่อจอตา

    5.4 Excimer laser ทำให้เกิด photokeratitis แสงเลเซอร์ทั้งหมด ควรใช้ให้เหมาะสมและถูกต้อง ระวังในการโฟกัสและโดยทั่วไปต้องมีการระวังผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องด้วยโดยการ

    • ควรมีป้ายเตือนให้ทราบว่าเป็นบริเวณมีการใช้เลเซอร์ และควรจำกัดผู้เข้ามาในเขคนี้
    • ตาควรได้รับการป้องกันด้วยหน้ากากหรือแว่นตาที่เหมาะสม
    • ป้องกันผิวหนังที่อาจได้รับแสงเลเซอร์ที่อาจสะท้อนหรือหักเหมา
    • ปิดจมูกกันการสูดหายใจ เพราะในบางครั้งอาจมี fume ที่เกิดจากการใช้เลเซอร์
    • ควรระวังป้องกันทั้งไฟและไฟฟ้าที่อาจเกิดจากการใช้เลเซอร์

  6. Welding arc. รังสีจากการเชื่อมโลหะ ช่างเชื่อมโลหะนอกจากอาจได้รับอุบัติเหตุจากเศษผงโลหะกระเด็นเข้าตา และยังมีโอกาสได้รับอันตรายจากรังสีที่เกิดขึ้นซึ่งจะให้รังสีขนาด 200-1400 nm

    6.1 รังสีช่วง 200-400 nm หรือ UV ทำให้เกิด keratoconjuctivitis โดยมีอาการปวดตา เจ็บตา มักจะเกิดหลังจากเชื่อมโลหะ โดยไม่สวมแว่นป้องกัน 7-10 ชั่วโมง ที่พบเสมอๆ เช่น ช่างเชื่อมที่ไม่สวมแว่นป้องกันขณะทำงานกลางวีน มักจะมาพบแพทย์ในช่วงกลางคืนด้วยอาการปวดตามาก น้ำตาไหล

    6.2 รังสีที่เห็นด้วยตา (400-700) และ infrared (700-1400 nm) ตลอดจนบางส่วนของ UV อาจจะทะลุไปถึงจอตา ทำอันตรายต่อจอตาได้