สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน: หยอดยาผิด

สาระน่ารู้จากหมอตา

คุณยายแม้นนั่งดูทีวีอยู่ เกิดอาการแสบตาจึงหันไปหยิบขวดยาที่อยู่ข้างตัวขึ้นหยอดตาโดยคิดว่าเป็นน้ำตาเทียม ซึ่งใช้หยอดเป็นประจำเวลารู้สึกแสบตา เมื่อหยอดเข้าตาขวา รู้สึกแสบตาผิดปกติจากที่เคยใช้ แต่ไม่ได้เอะใจ จึงหยอดเข้าตาซ้ายด้วย หลังจากหยอดยาจึงรู้สึกแสบ เจ็บตา น้ำตาไหลพราก ลูกๆ จึงรีบเข้ามาช่วยดู คุณยายแม้นแสบและปวดตามากไม่ยอมลืมตา ลูกกลับไปดูจึงพบว่าคุณยายหยิบยาดม ยาหอมระเหยที่ใช้ ยาหยอดจมูก แก้คัดจมูก มาหยอดตา จึงรีบหายาล้างตามาช่วยล้าง แต่คุณยายเจ็บและแสบตามาก ทนไม่ไหว ลูกจึงพายายแม้นไปพบหมอ แต่คุณยายแม้นปิดตาแน่นไม่ยอมลืมตาเลย หมอจำเป็นต้องหยอดยาชาให้เพียง 1 – 2 นาที คุณยายแม้นเริ่มลืมตาให้หมอตรวจได้ จึงพบว่ายาหยอดจมูกนั้นทำให้ผิวตาดำถลอกเป็นหย่อมๆ ในตาทั้ง 2 ข้าง เป็นเหตุให้มีอาการเจ็บปวดมาก นั่นคือ คุณยายมีกระจกตาเป็นแผลถลอกจากน้ำยาที่หยอดนั่นเอง ต้องใช้เวลารักษา 2-3 วัน แผลจึงหายเป็นปกติ

การหยอดยาผิด โดยใช้ยาหยอดจมูก ยาหยอดหู ยาดมชนิดน้ำเป็นเหตุให้เกิดผิวกระจกตาหลุดลอก พบได้เสมอๆ ด้วยเหตุที่ยาเหล่านี้มักบรรจุอยู่ในขวดยาที่คล้ายๆ กัน ทำให้ผู้สูงอายุหยิบผิดพลาดได้เสมอ แม้จะเป็นยาใช้ภายนอกเหมือนกัน

จึงควรวางแยกจากกันเพื่อกันความผิดพลาด เยื่อบุตาเป็นเนื้อเยื่อที่ละเอียดอ่อนกว่าผิวหนังบริเวณรูหู หรือเนื้อเยื่อภายในรูจมูก การใช้ยาสำหรับหู หรือยาดมมาหยอดตาจึงทำลายเยื่อบุผิวตาได้

แม้โดยทั่วไปยาเหล่านี้ทำลายแค่ผิวๆ ของตา ส่วนมากรักษาหายได้ภายใน 1-2 วันก็ตาม แต่ก็ทรมานผู้ป่วยอย่างมาก เพราะผิวตาดำคนเรา หากมีรอยถลอกเพียงเล็กน้อยจะมีอาการปวด เจ็บทรมาน ผู้ป่วยอย่างมาก เพราะกระจกตามีเส้นประสาทมาเลี้ยงมากกว่าอวัยวะอื่น

สรุป “ต้องวางยาหยอดตา แยกจากยาอื่นๆเสมอ”