สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน 45: ต้อหินจากหลอดเลือดเกิดใหม่ (Neovascular glaucoma)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 21 ตุลาคม 2556
- Tweet
ต้อหินจากหลอดเลือดเกิดใหม่ เป็นต้อหินอันเนื่องจากมีหลอดเลือดเกิดใหม่และเยื่อพังผืดเกิดที่ผิวม่านตาลามไปถึงบริเวณมุมตา(trabecular meshwork) หลอดเลือดและพังผืดนี้ไปอุดทางเดินของสารนำน้ำ aqueous ภายในตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้น ส่วนใหญ่ของการเกิดหลอดเลือดใหม่นี้เป็นผลจากการขาดเลือดของส่วนหลัง (ส่วนจอตา) ของลูกตาด้วยสาเหตุต่างๆ เมื่อจอตาขาดเลือดก่อให้เกิดสารที่เรียกว่า angiogenic factor ซึ่งไหลเข้ามายังส่วนหน้า ทำให้มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ขึ้นมา โดยหลอดเลือดเกิดใหม่นี้มักพบเริ่มแรกที่ขอบรูม่านตาแล้วแผ่กระจายไปมุมตา ระยะนี้มุมตายังเปิดอยู่ นานเข้ามีการหดรั้งก่อให้เกิดการปิดของมุมตาจาก peripheral anterior synechial ทำให้กลายเป็นมุมตาปิด ดังนั้นการพบความดันตาสูงในระยะแรกจึงยังเป็นต้อหินมุมเปิด นานเข้าจะกลายเป็นมุมปิด ถือเป็นต้อหินที่ทราบสาเหตุแน่ชัด เพราะพบหลอดเลือดใหม่ๆ ที่ผิวปกติเกิดขึ้นที่มุมตาเป็นได้ทั้งชนิดมุมเปิดหรือมุมปิด
สาเหตุของการเกิด
- สาเหตุหลักที่พบมาก คือ ภาวะขาดเลือดของส่วนหลังของลูกตา ได้แก่ ภาวะหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน หลอดเลือดแดงจอตาอุดตัน โรคของหลอดเลือด Carotid ทำให้มีเลือดมาเลี้ยงจอตาน้อยลง เป็นต้น
- มีเนื้องอกภายในลูกตา ได้แก่ uveal melanoma, มะเร็งจอตา ตลอดจนมะเร็งส่วนอื่นกระจายมายังลูกตา เนื้องอกแย่งอาหารทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดจึงเกิดหลอดเลือดใหม่ขึ้น พบได้น้อยกว่า
- การอักเสบภายในลูกตา จากจอตาหลุดลอกมานาน มีม่านตาอักเสบเรื้อรัง พบได้บ้าง
- โรคของจอตาโดยเฉพาะที่พบบ่อย เบาหวานทำลายจอตา Coat’s disease , แม้แต่ภาวะจอตาเสื่อมในเด็กคลอดก่อนกำหนดบางราย ฯลฯ
ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่พบคือ สาเหตุ 1 ร่วมกับ โรคเบาหวานขึ้นตา
โดยสรุปภาวะนี้พบบ่อยในโรค
- หลอดเลือดดำจอตาอุดตัน
- เบาหวานขึ้นตา
- โรคหลอดเลือด Carotid
- หลอดเลือดแดงจอตาอุดตัน
- มีทั้งหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงจอตาอุดตัน
- จอตาหลุดลอก
- ม่านตาอักเสบ ฯ ล ฯ
พยาธิกำเนิดของโรค
ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เริ่มจากการมีภาวะจอตาขาดเลือดอย่างมาก ก่อให้เกิด angiogenic factor จากจอตานำมาซึ่งสาร vasoformative กระตุ้นให้เกิดหลอดเลือดใหม่เริ่มที่ผิวจอตา สารที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดใหม่นี้หมุนเวียนมายังส่วนหน้าของตามาอยู่บริเวณรูม่านตาก่อให้เกิดหลอดเลือดใหม่บริเวณขอบรูม่านตา ไปตามผิวม่านตาไปสู่มุมตา ทำให้การไหลเวียนของ aqueous ติดขัด ความดันตาสูงขึ้น นานเข้าหลอดเลือดใหม่ที่มุมตามีการหดตัวจึงดึงฐานของม่านตาไปปิดมุมตาเกิดภาวะ peripheral anterior synechial ยิ่งทำให้ความดันตาสูงมากขึ้นไปอีก และตรงบริเวณม่านตาอาจจะหดตัว ทำให้รูม่านตาม้วนออก (ectopia uvea)
การเกิดต้อหิน
อาจแบ่งได้เป็น 3 ระยะ
- ระยะแรก เรียกกันว่า preglaucoma เป็นระยะที่พบหลอดเลือดเกิดใหม่นี้ บริเวณขอบรูม่านตา ม่านตา ตลอดจนบริเวณมุมตา แต่ความดันตายังปกติ
- ระยะที่ 2 ถือเป็นระยะความดันตาสูงขึ้น แต่มุมตายังเปิดอยู่ พบหลอดเลือดเกิดใหม่ที่มุมตา โดยที่มุมตายังปกติเห็น Trabecular meshwork ดีอยู่ แต่ความดันตาสูงขึ้น
- ระยะที่ 3 เป็นระยะความดันตาสูงขึ้นร่วมกับมุมตาปิด เห็นลักษณะของ synechial เป็นหย่อมๆ
การรักษา
จากการตรวจพบหลอดเลือดใหญ่บริเวณรูม่านตา ม่านตา และมุมตาร่วมกับความดันตาสูง สรุปได้ว่าเป็นต้อหินชนิดนี้ การรักษาประกอบด้วย
- ลดความดันตา
- หาสาเหตุของการเกิดและรักษาภาวะต้นเหตุ
- การรักษาการอักเสบที่มักพบในช่องหน้าลูกตา เนื่องจากหลอดเลือดเกิดใหม่เป็นหลอดเลือดผิดปกติ มักจะก่อให้เกิดการอักเสบในช่องหน้าลูกตา ซึ่งทำให้มีอาการไม่สบายตา ปวดตา ตาสู้แสงไม่ได้ การให้ยาหยอดชนิด cycloplegic ร่วมกับยาหยอดตาในกลุ่มยาสเตียรอยด์ช่วยด้วย จะได้ประโยชน์
การลดความดันตา
เริ่มด้วยการให้ยาลดความดันตา ด้วยกลุ่มที่ลดการสร้างของ aqueous หากไม่ได้ผลต้องใช้วิธีผ่าตัด ซึ่งอาจทำโดยวิธี Cycloablative procedure เช่น Cyclocryotherapy เป็นการจี้บริเวณ ciliary body ด้วยความเย็น ทำให้ลดการสร้าง aqueous ลง หรือ transclerol – Yag cyclophotocoagulation หรือ transcleral diode laser cyclophotocoagulation ตลอดจน endolaser ในรายที่ต้องทำ vitrectomy บางคนแนะนำการผ่าตัด filtering operation หรือ glaucoma valve operation
การรักษาต้นเหตุหรือภาวะจอตาขาดเลือด โดย
- การฉีด anti VGF เข้า vitreous เชื่อว่ายานี้จะไปต่อต้านสาร Angiogenic factor ทำให้หลอดเลือดเกิดใหม่ หดตัวและฝ่อลงและไม่สร้างมาใหม่
- การทำ panlaser retinal photocoagulation ขจัดจอตาส่วนที่ขาดเลือด ทำให้ความต้องการเลือดลดลง สาร angiogenic จะลดลง หลอดเลือดเกิดใหม่ฝ่อและไม่มีเพิ่มขึ้น
- ในกรณีที่ทำ laser ไม่ได้จาก media ขุ่นมัว อาจใช้วิธี Panretinal cryotherapy
อย่างไรก็ตาม ต้อหินชนิดนี้ค่อนข้างยุ่งยากในการรักษาเมื่อปล่อยให้เข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว บางรายไม่สามารถลดความดันตาลงได้ สร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วยอย่างมาก บางรายตาบอดสนิทแล้วแต่ทั้งยังเคือง ปวดตามาก มีบางรายต้องลงเอยด้วยการเอาตาออก
การป้องกันการเกิดโรคจึงอยู่ที่ให้ความสนใจภาวะที่เป็นต้นเหตุ ระวังอย่าให้เกิด เช่น ในกรณีหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน หากควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ที่เป็นปัจจัยต้นเหตุได้ จะลดอุบัติการณ์ลง และถ้าเกิดภาวะหลอดเลือดดำจอตาอุดตันแล้วต้องหมั่นตรวจ หากพบเริ่มมีภาวะจอตาขาดเลือดมากต้องรีบรักษา เป็นต้น