สั่นอย่างพาร์กินสัน (ตอนที่ 4 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 10 มีนาคม 2559
- Tweet
แต่หากการใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีการผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึก (Deep brain stimulation = DBS) ด้วยการผ่าตัดฝังขั้วไฟฟ้าไปกระตุ้นสมองเฉพาะส่วน เพื่อลดอาการของโรคพาร์กินสัน อย่างอาการหยุกหยิก (Dyskinesias) อาการสั่น (Tremor) อาการเกร็ง (Rigidity) และช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ดีการใช้วิธี DBS ก็ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งพัฒนาการของโรคที่ยังคงมีต่อไป และเช่นเดียวกับการผ่าตัดสมองทั่วไปที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อ การอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง (Stroke) หรือการที่เลือดไหลไม่หยุด (Bleeding)
นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต (Lifestyle changes) โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic exercise) การกินอาหารที่มีประโยชน์ และการใช้กายภาพบำบัด (Physical therapy) กิจกรรมบำบัด (Occupational therapy) และนักแก้ไขการพูด (Speech-Language pathologist)
กรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสัน ผู้ป่วยจะต้องติดต่อกับแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนการรักษาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการและผลข้างเคียงที่น้อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตจะช่วยได้มาก เช่น
- การกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีไฟเบอร์สูง อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acids) การดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยป้องกันอาการท้องผูกที่มักเกิดในผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสัน
- การออกกำลังกาย เช่น การเดิน การว่ายน้ำ การทำสวน การเต้นรำ การออกกำลังกายในน้ำ (Water aerobics) การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching) ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ยืดหยุ่น และสมดุล ช่วยลดอาการหดหู่ซึมเศร้าและวิตกกังวล
- หลีกเลี่ยงการหกล้ม ด้วยการ
- ใช้วิธีการเดินกลับ (U-turn) แทนการหมุนตัวกลับ (Pivoting)
- พยายามกระจายน้ำหนักลงบนเท้าทั้งสองข้าง อย่ายืนพิง
- หลีกเลี่ยงการยกของระหว่างเดิน
- หลีกเลี่ยงการเดินถอยหลัง
นอกจากนั้นอาจใช้การแพทย์ทางเลือกร่วมในการช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสัน เช่น
- การกินอาหารเสริมโคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคพารกินสันระยะแรก อย่างไรก็ดี อาจต้องใช้เวลาในการกินที่นานถึง 16 เดือนหรือมากกว่า
- การนวด – จะช่วยในการผ่อนคลาย ลดความตึงของกล้ามเนื้อ
- การฝังเข็ม
- การเล่นไทเก็ก (Tai chi) หรือการเล่นโยคะ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นแข็งแรง
- การทำสมาธิ เพื่อลดความตึงเครียดและความเจ็บปวด
- การใช้ดนตรีบำบัด เพื่อการผ่อนคลาย
และเนื่องจากเรายังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคพาร์กินสัน ดังนั้นจึงยังไม่อาจทราบได้ถึงวิธีการป้องกัน อย่างไรก็ดี งานวิจัยบางฉบับระบุว่า คาเฟอีน ชาเขียว การออกกำลังกาย อาจจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคพาร์กินสันได้
แหล่งข้อมูล
1. Parkinson's diseasehttp://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/parkinsons-disease/basics/definition/con-20028488[2016, March 9].
2. What is Parkinson’s Disease? http://www.pdf.org/about_pd[2016, March 9].
3. Parkinson's disease. http://www.nhs.uk/conditions/parkinsons-disease/Pages/Introduction.aspx[2016, March 9].