ศัลยกรรมขากรรไกร - อันตรายใกล้ตัว (ตอนที่ 3)

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ศัลยแพทย์หู คอ จมูกชาวนิวซีแลนด์ในลอนดอน Harald Gillier Gillier ได้พัฒนาเทคนิคศัลยกรรมใบหน้าสมัยใหม่ในหมู่ทหารที่ทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บที่ใบหน้าผิดรูป ต่อมา Varaztad kazanijiar และ Blair ได้รับการว่าจ้างให้ทำศัลยกรรมในกองทัพสหรัฐ โดยได้เรียนรู้จาก Gillies ในอังกฤษ

งานของ Gillies ได้ขยายขอบเขตไปมากมายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยญาติและนักเรียนของเขา Archibald McIndoe ซึ่งริเริ่มการรักษาลูกเรือที่ทุกข์ทรมานจากไฟไหม้ที่รุนแรง ในปี 2489 Gilliers ได้ทำการผ่าตัดแปลงเพศครั้งแรกโดยแปลงจากผู้หญิงเป็นผู้ชาย

ในศัลยกรรมตกแต่ง การปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นกรรมวิธีที่ธรรมดามาก การปลูกถ่ายอวัยวะสามารถนำมาจากคนทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาค ซึ่งมีหลากหลายประเภทด้วยกัน อาทิ Allograft เป็นการนำมาจากผู้บริจาคในสายพันธุ์เดียวกัน ส่วน Xenograft เป็นการนำมาจากผู้บริจาคที่ต่างสายพันธุ์กัน

ส่วน Autograft เป็นการใช้เนื้อจากผู้รับบริจาค ถ้ามีเนื้อเยื่อธรรมชาติไม่พอหรือขาดทางเลือก แพทย์สามารถเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อผิวนอก ในหลอดทดลอง หรือส่วนประกอบของสารสังเคราะห์ อาทิ Integra ซึ่งประกอบด้วยซิลีโคน (Silicone) และโปรตีนจากเอ็นวัว (Bovine tendon collagen) กับสารประกอบน้ำตาล (Glycosaminoglycans)

ปกติแพทย์สามารถคาดหวังผลลัพธิ์ที่ดีจากศัลยกรรมตกแต่ง โดยการเน้น (1) การวางแผนอย่างระมัดระวังในการผ่าตัด เพื่อให้การทำศัลยกรรมจะตกอยู่ในช่องทางรอยพับ (Fold) ของผิวหนังธรรมชาติ (2) ทางเลือกที่เหมาะสมของการปิดแผล (3) การใช้วัสดุเย็บแผลที่ดีที่สุดที่หาได้ และ (4) การตัดวัสดุที่เย็บแผลออกแต่เนิ่นๆ เพื่อที่แผลจะได้ปิดสนิทโดยซ่อนรอยเย็บไว้

ศัลยกรรมเสริมสร้างใหม่ (Reconstructive surgery) เป็นศัลยกรรมตกแต่งปรับปรุงโครงสร้าง ทำเพื่อซ่อมแซมอวัยวะให้ทำหน้าที่ได้ โดยมีสาเหตุจากไฟไหม้ อุบัติเหตุ อย่างเช่น กระดูกใบหน้าร้าวหรือแตกหัก ความผิดปกติมาแต่กำเนิด อย่างเช่น เพดานโหว่ ปากแหว่ง ความผิดปกติในการเจริญเติบโต การติดเชื้อและโรคมะเร็งหรือเนื้องอก

ศัลยกรรมตกแต่งปรับปรุงโครงสร้างปกติแล้วจะทำเพื่อให้อวัยวะที่ทำดูเป็นปกติ การเสริมสร้างใหม่ที่ธรรมดาที่สุดคือ การผ่าตัดเนื้องอก ซ่อมแผลถลอก ซ่อมแซมแผลเป็น ศัลยกรรมมือ และศัลยกรรมลดขนาดเต้านม (Breast reduction plasty)

สมาคมศัลยกรรมตกแต่งของอเมริกา (American Society of Plastic Surgeons) ได้ระบุไว้ จำนวนการปรับโครงสร้าง การลดขนาดเต้านมของผู้หญิงได้เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2550 ประมาณ 2% จากปีก่อน ส่วนการลดขนาดเต้านมในผู้ชายก็เพิ่มขึ้นด้วยประมาณ 7% ในปีเดียวกัน

กรรมวิธีศัลยกรรมที่ธรรมดาอื่นๆ ได้แก่การปรับโครงสร้างเต้านม (Breast reconstruction) หลังจากการตัดเต้านม (Mastectomy) ปากแหว่งเพดานโหว่ (Cleft lip and palate surgery) ศัลยกรรมเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหดตัวผิดปกติ (Contracture surgery) ผู้ที่รอดชีวิตจากไฟไหม้และสร้างใบหูภายนอกใหม่เมื่อไม่มีใบหู

แหล่งข้อมูล

  1. Plastic surgery. http://en.wikipedia.org/wiki/Plastic_surgery [2013, June 21].