วิตามินเค (Vitamin K)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือยาอะไร?

วิตามินเค (Vitamin K) คือ วิตามินที่มีหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ช่วยให้เลือดหยุดในภาวะมีเลือดออก,  เป็นวิตามินประเภทละลายได้ดีในไขมัน ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์วิตามินเคได้จากแบคทีเรียภายในลำไส้, โดยเมื่อนำมาใช้เป็นยา จะอยู่ในรูปแบบของยารับประทาน และยาฉีด

อาจแบ่งวิตามินเคที่มีประโยชน์กับมนุษย์เป็น 3 ชนิดย่อย คือ

  • วิตามินเค 1 หรือในชื่ออื่นว่า Phylloquinone หรือ Phytomenadione หรือ Phytonadione: ร่างกายจะได้รับจากอาหารประเภทผักใบสีเขียว
  • วิตามินเค 2 หรือในอีกชื่อว่า Menaquinone: ร่างกายได้รับจากสารอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น นม ไข่ และร่างกายสังเคราะห์ได้เองโดยอาศัยแบคทีเรียในลำไส้ของเรา
  • วิตามินเค 3 หรือจะเรียกว่า Menadione: เป็นสารที่นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์ขึ้น ถูกนำมาใช้รักษา ภาวะสารช่วยการแข็งตัวของเลือดต่ำ (Hypoprothrombinemia) ในแถบประเทศที่กำลังพัฒนา

ทั้งนี้ประโยชน์ของวิตามินเคในร่างกายมนุษย์จะทำหน้าที่  เช่น

  • วิตามินเค 1: เป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการจับตัวของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นกลไกป้องกันการเสียชีวิตจากการสูญเสียเลือด (เลือดไหลแล้วหยุดยาก) เมื่อมีบาดแผล
  • วิตามินเค 2: ช่วยในการรวมตัวของเกลือแคลเซียมกับมวลกระดูกทำให้กระดูกมีความแข็งแรง

นอกจากนี้ วิตามินเคทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว ยังออกฤทธิ์และทำงานร่วมกับวิตามินดีช่วย สนับสนุนการทำงานของเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างกระดูก (Osteoblasts) ทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโตได้ดีอีกด้วย

  • วิตามินเค ยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาและชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
  • วิตามินเค ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เพราะการขาดวิตามินเคจะทำให้มีเกลือแคลเซียมในกระแสเลือดมากเกินไป, เกลือแคลเซียมเหล่านี้จะส่งผลทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวขาดความยืดหยุ่นจนมีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจตามมา

อาจกล่าวได้ว่า การขาดวิตามินเค ย่อมจะส่งผลกระทบกับหน้าที่หลักๆของอวัยวะต่างๆดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น  ทั้งนี้แหล่งอาหารที่มีวิตามินเคปริมาณสูง เช่น ผักใบเขียวต่างๆจะมีปริมาณวิตามินเค 1 สูงมาก, ในขณะที่อาหารจากสัตว์ เช่น ตับ นม ไข่ จะให้วิตามินเค 2 ได้มากกว่า, และแบคทีเรียในลำไส้ของคนเราก็มีความสามารถเปลี่ยนวิตามินเค1 ไปเป็นวิตามินเค 2 ได้อีกด้วย,   จากข้อมูลเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่การรับประทานยาปฏิชีวนะมากๆอาจทำให้แบคทีเรียในลำไส้ลดน้อยลง จนไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินเคได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

สำหรับวิตามินเค 3 ยังอยู่ในช่วงการศึกษาว่า แหล่งอาหารประเภทใดมีวิตามินชนิดนี้มาก แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้สังเคราะห์วิตามินเค 3 ขึ้นมาใช้ได้เอง, และด้วยกลไกของร่างกายสามารถเปลี่ยนวิตามินเค 3 ไปเป็นวิตามินเค 2 ได้เช่นกัน

กลุ่มเสี่ยงที่มักจะมีภาวะขาดวิตามินเคที่พบบ่อย เช่น  เด็กทารกแรกเกิด และถือเป็นมาตรฐานของหลายประเทศที่ต้องให้วิตามินเคกับทารกแรกคลอด

อนึ่ง: ทางคลินิก ยังใช้วิตามินเคในการบำบัดอาการเลือดออกของผู้ป่วยที่ได้รับยา Warfarin เกินขนาดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ร่างกายได้รับวิตามินเคมากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถกำจัดออกได้ทัน ก็อาจแสดงผลต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ เช่น เกิดภาวะตัวเหลืองโดยเฉพาะในเด็กแรกเกิดจากมีภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตกจึงเกิดสารบิลิรูบิน/สารที่ให้สีเหลืองในเลือดสูง (Hyperbilirubinemia)

ผู้บริโภคสามารถพบเห็นการใช้วิตามินเค/ยาวิตามินเคได้ในสถานพยาบาลโดยการใช้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น

สำหรับบทความนี้ จะขอนำเสนอสรรพคุณของวิตามินเคที่ใช้เป็นยาในเรื่อง “การลดภาวะเลือดออกง่าย” เท่านั้น

วิตามินเคมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

 

วิตามินเคมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น

  • บำบัดภาวะที่มีสารช่วยการแข็งตัวของเลือดต่ำ (Hypoprothrombinemia) ที่มีสาเหตุจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • บำบัดภาวะ Hypoprothrombinemia ที่มิได้มีสาเหตุจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ป้องกันภาวะ Hypoprothrombinemiaในเด็กซึ่งการใช้ยาจะอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป

วิตามินเคมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของวิตามินเค ในที่นี้ขอกล่าวถึงเฉพาะวิตามินเค 1 เท่านั้น คือ วิตามินเค1 จะออกฤทธิ์โดยตัวยามีความจำเป็นในขบวนการสร้างสารโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ Factor II, Factor VII, Factor IX และ Factor X ซึ่งจะส่งผลในการทำงานและการรวมตัวของเกล็ดเลือดให้ปิดบาดแผล, จากกลไกดังกล่าว ส่งผลให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

วิตามินเคมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาวิตามินเคมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:  เช่น

  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 10 มิลลิกรัม/เม็ด
  • ยาน้ำชนิดรับประทานสำหรับหยอดเข้าปาก ขนาดความเข้มข้น 2 %
  • ยาฉีด ขนาด 1 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร
  • ยาฉีด ขนาด 1 มิลลิกรัม/1 มิลลิลิตร
  • ยาฉีด ขนาด 10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร

วิตามินเคมีขนาดการใช้ยาอย่างไร?

วิตามินเคมีขนาดการใช้ยาเพื่อการบำบัดรักษาภาวะเลือดออกง่าย:  เช่น

ก. ภาวะ Hypoprothrombinemia ที่มีสาเหตุจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: เช่น

  • ผู้ใหญ่: รับประทานขนาด 2.5 - 10 มิลลิกรัม, ระยะเวลาในการใช้ยานี้ขึ้นกับคำสั่งของแพทย์ผู้รักษา
  • เด็ก(นิยามคำว่าเด็ก): ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกของการใช้ยานี้กับเด็ก การใช้ยานี้กับเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของ แพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป

ข. ภาวะ Hypoprothrombinemia ที่ไม่ได้มีสาเหตุจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: เช่น

  • ผู้ใหญ่: เริ่มต้นรับประทานขนาด 2.5 - 25 มิลลิกรัม หรือมากกว่านี้ รวมถึงระยะเวลาในการใช้ยานี้ต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษา
  • เด็ก: ฉีดยานี้เข้ากล้ามเนื้อขนาด 0.5 - 1 มิลลิกรัม ระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นกับคำสั่งของแพทย์ผู้รักษา

 * อนึ่ง สามารถรับประทานยานี้ (ชนิดรับประทาน) ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงวิตามินเค ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร  เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาหรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาวิตามินเคอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆและ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาวิตามินเค สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิผลของการรักษาควรรับประทานยาวิตามินเคตรงเวลา

วิตามินเคมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาวิตามินเค สามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง): เช่น  

  • เบื่ออาหาร
  • หายใจลำบาก
  • ตับโตคลำพบได้จากการคลำหน้าท้อง (ปกติจะคลำหน้าท้องไม่พบตับ)
  • บวมตามร่างกายและใบหน้า
  • ตัวซีด
  • ตัวเหลือง/ตาเหลือง
  • อาจพบ ผื่นคัน, แน่นหน้าอก, วิงเวียน, เหงื่อมาก, ความดันโลหิตต่ำ

มีข้อควรระวังการใช้วิตามินเคอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาวิตามินเค: เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
  • ระวังการใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงเด็ก และผู้สูงอายุ
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับ
  • *หากใช้ยานี้แล้ว อาการป่วยไม่ดีขึ้น ควรต้องรีบกลับมาปรึกษาแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
  • *หากบริโภคยานี้แล้ว พบอาการผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตต่ำ หรือเกิดอาการแพ้ยานี้ ให้หยุดใช้ยานี้ แล้วรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
  • ยาวิตามินเคสามารถทนอุณหภูมิสูงๆได้ดี แต่จะเสื่อมสลายหากเก็บในช่องแข็งของตู้เย็น จึงไม่ควรเก็บยานี้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมวิตามินเคด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด   อาหารเสริม   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

วิตามินเคมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาวิตามินเคมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น: เช่น

  • การใช้ยาวิตามินเค ร่วมกับยา Warfarin จะทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของยา Warfarin ด้อยลง หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
  • การใช้วิตามินเค ร่วมกับยา Cholestyramine อาจทำให้ฤทธิ์การรักษาของวิตามินเค 1 ลดลง กรณีที่ต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้วิตามินเค ร่วมกับยา Orlistat อาจทำให้การดูดซึมของวิตามินเค 1 ชนิดรับประทานลดลง หากไม่มีความจำเป็นใดๆ  ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน

ควรเก็บรักษาวิตามินเคอย่างไร?

ควรเก็บยาวิตามินเค: เช่น

  • เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

วิตามินเคมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาวิตามินเค มียาชื่อการค้า  และ บริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
INJEK (อินเจ็ค) Neon Labs
KENADION (เคนาเดียน) Samarth
K-WIN (เค-วิน) Mercury
K.P. (เค.พี.) PP Lab
Konakion MM (โคนาเคียน) Roche
Vitamin K1 T P (วิตามินเค 1 ทีพี) TP Drug

 

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Vitamin_K  [2022, Oct8]
  2. https://whfoods.com/genpage.php?tname=nutrient&dbid=112  [2022, Oct8]
  3. https://www.mims.com/India/drug/info/INJEK/INJEK%20inj   [2022, Oct8]
  4. https://www.mims.com/India/drug/info/KENADION/  [2022, Oct8]
  5. https://www.drugs.com/dosage/phytonadione.html#Usual_Adult_Dose_for_Hypoprothrombinemia___Not_Associated_with_Anticoagulant_Therapy  [2022, Oct8]
  6. https://www.mims.com/India/drug/info/phytomenadione/?type=full&mtype=generic#Dosage [2022, Oct8]
  7. https://www.mims.com/Thailand/drug/info/k-p-/  [2022, Oct8]