ลมชัก ฉันรักเธอ ภาค2 : ความรู้สึกหมดคุณค่าของน้องออย

ลมชักฉันรักเธอ2

เริ่มปีการศึกษาใหม่แล้ว เพื่อนๆ เป็น extern น้องปี 4 ขึ้นมาเป็นปี 5 ส่วนหนูก็คงจะเป็น นศ.พ. ปี 5 ครึ่ง

ช่วงนี้หนูเพิ่งขึ้นบล็อก minor (การเรียนเป็นกลุ่มวิชา ประมาณ 4 สัปดาห์ต่อกลุ่ม ถ้าเป็น major จะเท่ากับ 12 สัปดาห์ต่อกลุ่ม) ของปี 5 เริ่มด้วย com-med (community medicine : วิชาเวชศาสตร์ชุมชน) หนูได้มาอยู่กับรุ่นน้องกลุ่มใหม่ที่หนูไม่รู้จักหลายคน ต้องคิดหัวข้อทำงานวิจัยเอง เพิ่งรู้ว่าการทำวิจัยมันยากขนาดนี้ หนูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ งานเยอะและต้องทำหลายรอบ แก้หลายรอบ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งหนูไม่ถนัด และไม่เข้าใจโปรแกรมที่ใช้ทำงานเลย ที่สำคัญคือหนูรู้สึกว่าน้องๆ ไม่ค่อยฟังความคิดเห็นของหนู หนูพยายามช่วยงานอะไร ก็เอาไปแก้ ทำใหม่เองหมด สุดท้ายเลยเหมือนกับว่าหนูไม่ทำอะไร ถึงจะสบายกว่าเพื่อนในกลุ่ม แต่ใจของหนูไม่ได้รู้สึกสบายไปด้วยเลย

หนูไม่กล้าคุยกับใคร หนูรู้สึกว่าตัวเองห่างเหินกับรุ่นน้องมากกว่าแต่ก่อน รู้สึกไม่สนิทกันเลย ทั้งเหงา ว้าเหว่ และไม่มีความสุข ไม่มีสมาธิ เรียนไม่รู้เรื่องเลย แม้ว่ารุ่นน้องบางคนก็ช่วยอธิบายให้ แต่หนูก็จำไม่ได้อยู่ดี

วันหนึ่ง ระหว่างที่นั่งเรียนโปรแกรมโดยใช้คอมพิวเตอร์ ความรู้สึกหดหู่ทำให้หนูไม่สามารถบังคับตัวเองให้ตั้งใจเรียนต่อไปได้ หนูเริ่มไม่สนใจเรียน เลยระบายอารมณ์ตัวเองผ่านกลอนบทนี้ ซึ่งหนูแต่งขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ

I'm not strong enough to carry on.
Wondering where have all my motivations gone.
I see lamps light up on the ceiling,
But the darkness is down deep in my feeling.
Sitting quiet, in front of my laptop screen,
Seeking for happiness at somewhere I've seen
Reading posts and shares on my facebook wall,
But they doesn't make me feel good at all.
It's like standing alone in a heavy rain.
My heart and mind are filled with pain.
But I'm still alive, waiting for the storm to pass,
Without knowing how long it will lasts.
It's cold, dark and so lonely being here,
However, in the rain, no one can see my tears.
Although it's stupid just stay still and be a sufferer,
But I believe I won't be here forever.
The clear blue sky is coming, it's the truth, I'll see.
Finally, I will find the way back, and be the same old me.

พลังกายไม่พอเพียงให้เดินต่อ พลังใจที่เฝ้ารอก็หดหาย
รอบตัวนั้นมีแสงอยู่พร่างพราย แต่ในใจกลับกลายเป็นมืดมน
มองจอภาพคนเดียวอย่างเงียบงัน ใจนึกฝันถึงความสุขทุกแห่งหน
อ่านข้อความของเพื่อนทุกทุกคน สิ่งที่ค้นไม่ปรากฏให้พบพาน
ดั่งโดดเดี่ยวกลางสายฝนพายุใหญ่ แต่เจ็บใจดั่งลุกไหม้ด้วยไฟผลาญ
เพียรเฝ้าคอยพายุฝนผ่านพ้นกาล แม้เนิ่นนานเพียงใดจะเฝ้าทน
กลางความมืดที่หนาวเหน็บและอ้างว้าง หยาดน้ำตาถูกชะล้างไปกับฝน
แม้ตอนนี้จะมืดมิดและอับจน แต่สักวันจะข้ามพ้นผ่านมันไป
ถึงวันนั้นพายุฝนจะสร่างซา ท้องนภาจะงดงามกระจ่างใส
แม้บางครั้งฉันจะเศร้าหดหู่ใจ แต่อย่างไรฉันก็ยังเป็นคนเดิม

นี่แหละค่ะ... ความรู้สึกของหนู หวังว่าสักวัน ความทุกข์เหล่านี้จะผ่านพ้นไปนะคะ

ข้อคิดเห็นจากหมอสมศักดิ์

ความทุกข์เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเราขาดคุณค่า ขาดการยอมรับจากเพื่อน ๆ ดังเช่นน้องออย เพื่อนๆ รุ่นน้องอาจเกรงใจรุ่นพี่ จึงไม่กล้าที่จะบอกหรือพูดคุยกับน้องออย ยิ่งทำให้น้องออยเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีมากยิ่งขึ้น เหมือนตนเองไม่มีคุณค่า สิ่งนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้ป่วยโรคลมชัก เพราะพ่อ แม่หรือเพื่อนร่วมห้องเรียน เพื่อนร่วมงานจะไม่ไว้วางใจให้ทำอะไร เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น หรือทำให้มีอาการชักขึ้น ยิ่งห้ามไม่ให้ทำ ก็ยิ่งเป็นการสร้างความแตกต่างมากยิ่งขึ้น สร้างความด้อยค่ามากบยิ่งขึ้น ตรงนี้เองผมจึงต้องแนะนำกับญาติ โดยเฉพาะพ่อ แม่ หรือคู่สามี ภรรยาของผู้ป่วยเสมอว่า ต้องพยายามให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำให้มากที่สุด และต้องให้กำลังใจ ให้ความมั่นใจ ไม่ใช่ห้ามทำทุกอย่าง

คนเราถ้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย กอย่างต้องอาศัยให้คนอื่นๆ ทำให้หมด ก็กลายเป็นคนที่ไม่มีคุณค่า เมื่อมีความรู้สึกด้อยค่าเกิดขึ้น ก็จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และสุดท้ายอาจเกิดการคิดทำร้ายตนเองขึ้นมาได้

สิ่งที่น้องออยคิดในขณะที่เกิดปัญหาดังกล่าว และสามารถผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ด้วยดีนั้น เป็นความวิเศษอย่างยิ่ง ผมเองได้บอกกับน้องออยบ่อยๆ ว่าไม่มีอะไรดีกว่าการคิดบวก การคิดบวกจะทำให้เรามีกำลังใจ มีพลังในการแก้ปัญหาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข การมองปัญหาแล้วครุ่นคิดอย่างนัก คิดวนไปวนมานั้น อาจยิ่งก่อให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น การเดินออกมาจากปัญหาเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้จิตใจเรานั้นได้ผ่อนคลาย หรือได้เห็นว่าสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหานั้น คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร จะแก้ไขอย่างไรด้วยวิธีใหม่ ๆ ไม่ใช่วนไปวนมากับวิธีเดิมๆ หรือการที่ได้นำปัญหาของเรานั้นไปเปรียบเทียบกับความสุขในอดีตของเรา ก็ยิ่งทำให้เราทุกข์มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเรานำปัญหาของเรานั้นไปลองเปรียบเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ ที่รุนแรงกว่าเรา เราก็จะมีความสุขขึ้นได้ หรือเผลอๆ ปัญหาที่เราพบอยู่นั้นอาจไม่เป็นปัญหาอีกเลยก็ได้

ผมพยายามเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยพบในผู้ป่วย หรือแม้แต่ปัญหาของผมเองให้น้องออยฟัง เพื่อหวังที่จะให้น้องออยเกิดความรู้สึกว่าปัญหาที่ตนเองพบนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องพบ และก็สามารถผ่านพ้นไปด้วยดีได้เสมอ

สู้ๆ น้องออยและผู้ป่วยลมชักอันเป็นที่รักของผมทุกคน