ลมชักฉันรักเธอ ภาค2: สาธุ…..กับน้องออย

ลมชักฉันรักเธอ2

ช่วงแรกๆ หนูไม่อยากปฏิบัติเลย (สงสัยกิเลสยังเยอะอยู่มั้งคะ) แต่พอเวลาผ่านไป หนูเริ่มชินกับการปฏิบัติธรรมทุกวัน อยู่เงียบๆอย่างมีสติ จนเวลาล่วงเลยจนถึงวันสุดท้ายของการปฏิบัติ

จากที่ทราบว่า ที่นี่มีกฎของความเงียบ คือ ห้ามพูดคุยกันเลยตลอดช่วงการปฏิบัติจนถึงวันสุดท้าย เพราะถ้าได้คุยกันก็จะยิ่งฟุ้งซ่าน การไม่คุยกันทำให้เรามีสมาธิอยู่กับจิตตัวเองมากขึ้น แต่ก็ได้เห็นหน้าสมาชิกนักปฏิบัติธรรมจนคุ้นหน้ามาตั้ง 10 วัน ยังไม่เคยได้ยินเสียงกันเลย วันนี้จะได้รู้จักกันเสียที

ในวันนี้ หลังจาก 10:00 เป็นต้นไป กฎของความเงียบจะสิ้นสุดลง

ก่อนที่เราจะเริ่มคุยกันนั้น เราก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการปฏิบัติ นั่นคือการทำเมตตาภาวนา ซึ่งต้องทำหลังจากวิปัสสนา ใช้พลังของจิตใจที่เกิดจากการวิปัสสนา ขจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง และแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลก

เสร็จพิธี พูดได้แล้ว คำแรกที่หนูได้ยินคือ "อนุโมทนาสาธุ" จากคุณยายที่อายุมากที่สุด และทุกคนต่างพูดคำนี้ให้แก่กันและกัน

รู้สึกยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่ศูนย์ปฏิบัติไม่เงียบเหมือนก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างคุยกันอย่างคุ้นเคย ราวกับว่าเคยเจอกันมาก่อน ทั้งที่จริงแล้วเราเพิ่งจะรู้จักกันครั้งแรก หนูได้ฟังเรื่องราวของหลายๆ คนที่มีประสบการณ์ (เนื่องจากหนูอายุน้อยที่สุดในคอร์สนี้) ทั้งเรื่องการปฏิบัติธรรมในที่อื่นๆ การนำธรรมะไปใช้ในชีวิต ทั้งการงาน ครอบครัว ต่างคนต่างมาจากคนละที่ ต่างอายุ ต่างอาชีพ ก็มีความรู้และประสบการณ์แตกต่างกันไป

สิ่งที่หนูประทับใจคือการได้รู้จักสังคมใหม่ สังคมที่มีแต่คนดี มีศีล สมาธิ ปัญญา มีแต่ความรัก ความเมตตา

ช่วงบ่าย ต่างคนต่างช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ที่พวกเราอยู่กันมา 10 วัน ทั้งเก็บกวาดโรงอาหาร ขัดพื้น ขัดห้องน้ำ เช็ดกระจก เก็บของ ตอนนี้ทั่วบริเวณของศูนย์ปฏิบัติธรรมมีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงคุยกัน ขณะที่ทำงานด้วยกัน

หนูรู้สึกว่า ใจเราไม่ได้รู้สึกสุขสงบอย่างนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมา เราได้รับความสุขที่มาจากสิ่งนอกกาย แต่วันนี้ หนูได้สัมผัสถึงความสุขที่มาจากภายในใจของตัวเอง

ตอนเย็นทุกคนได้ของมีค่ากลับคืน หลังจากถูกยึดไปสิบวัน แบตมือถือคงหมด (หรือใกล้หมด) ทุกเครื่อง ต่างคนต่างวางชาร์ตทิ้งไว้ที่ปลั๊กไฟโรงอาหาร เรือนพัก ระหว่างไปปฏิบัติชั่วโมงอธิษฐานเย็น โดยไม่มีใครกลัวของหายเลย เพราะทุกคนที่นี่ตั้งใจมาปฏิบัติ ตั้งใจรักษาศีลอย่างเคร่งครัด

น่าเสียดายที่เราได้รู้จักกันเพียงวันเดียว พรุ่งนี้ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันกลับแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตที่หนูเคยได้มา (พรุ่งนี้วันเกิดหนูค่ะ) และหนูจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ

สิ่งที่หนูได้เรียนรู้คือ หนูเป็นลมชัก หนูขับรถไม่ได้ หนูเรียนช้ากว่าเพื่อน นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ เราก็ปฏิเสธมันไม่ได้ เพียงแค่มองมันตามความเป็นจริงอย่างมีอุเบกขา แค่นี้ก็ไม่ทุกข์แล้วค่ะ

ข้อคิดเห็นจากหมอสมศักดิ์

น้องออยผู้เข็มแข็งก็สามารถผ่านการฝึกอบรมด้วยดี อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าน้องออยนั้นมีความสามารถมากในทุกๆ ด้าน การทำกิจกรรมนี้จึงสำเร็จด้วยดี สิ่งที่ได้จากการฝึกปฏิบัตินี้ต้องก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมนี้ น้องออยคงสามารถนำความรู้ ความอดทน ความมีสติ และสิ่งต่างๆ ที่ได้จากกิจกรรมนี้มาพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การปรับตัว การดูแลตนเองให้ดีขึ้น

เมื่อมีความเข้าใจชีวิตตนเองมากขึ้น สิ่งแรกที่ได้ ก็คือ ความสุขอย่างที่น้องออยได้บอก การมีความสุขโดยไม่ต้องได้สิ่งของอะไรเพิ่มเติม หรือสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์เราทุกคนอยากได้ เพียงแค่สามารถมอง พิจารณาตนเองว่าความจริงแล้วเราต้องการอะไรกันแน่ แค่นี้ก็ทำให้เราเป็นสุข และเมื่อเรามีความสุข ความทุกข์ก็ลดลงเป็นสัดส่วนที่ตรงกันข้าม สุขมาก ทุกข์น้อย แต่ถ้าสุขน้อยก็ทุกข์มาก เราจะเลือกอะไรครับ

การที่น้องออยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น ก็เป็นการเพิ่มความเข็มแข็งให้กับตนเอง เพิ่มภูมิต้านทานให้กับตนเอง ไม่ว่าจะมีสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดแล้วเกิดกับตัวเรา สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด หรือสิ่งเลวร้ายอย่างไรก็ตาม ก็จะกระทบหรือทำร้ายน้องออยยากขึ้น

โชคดีมากๆ ครับที่น้องออยได้ผ่านการฝึกกิจกรรมนี้