My Epilepsy Diary ลมชัก…..ฉันรักเธอ ตอนที่ 9: เพราะตัวเราเป็นต้นเหตุ?

หนูมานั่งทบทวนอีกทีว่าปัญหามันเกิดจากอะไร

หลังจากเริ่มไปนั่งสมาธิ ทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ก็รู้ว่าปัญหาทั้งหมดไม่ได้เกิดจากป๊าหรือแม่ จากการเรียนแพทย์ที่หนักขึ้น หรือจากโรคลมชักของหนู

ที่แท้ ทุกอย่างเกิดจาก “ใจ” ของหนูนั่นเอง

หนูพยายามเก็บความทุกข์เอาไว้ในใจมากมาย โดยที่ไม่ยอมทิ้งมันไป ทั้งยังเอามาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งคิดวนไปเวียนมา และปัญหาอื่นก็เข้ามาซ้ำเติม โดยที่ไม่คิดแก้ปัญหาเสียที ก่อให้เกิดความเครียดสะสมมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ อย่างที่เคยได้ยินเขาว่ากันว่า ป่วยกาย ไม่ทรมานเท่าป่วยใจ

หนูไม่คิดว่าป๊าผิดเลย ป๊าไม่รู้ต่างหาก ว่าหนูรู้สึกอย่างไร ผิดที่หนูเองที่ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ป๊าแค่ทำสิ่งที่ป๊าคิดว่าดีที่สุดสำหรับหนู โดยการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในด้านการเรียน ยิ่งหนูคะแนนไม่ดี ป๊าก็พยายามช่วยหนูมากขึ้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ป๊าพยายามทำอยู่นั่นมันบีบคั้นหนูจนเกินไป แต่ป๊าก็ทำไปเพราะความรัก ไม่อยากเห็นลูกผิดหวังหรือล้มเหลว หวังให้ลูกประสบความสำเร็จ ป๊ายังคงอยากเห็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของหนู เหมือนเมื่อครั้งที่ได้รับรางวัลสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ชนะเลิศตอนอยู่ ม.ปลาย

เอาล่ะ ตอนนี้หนูคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพื่อให้แก้ปัญหานี้ให้ได้ หนูคงไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมามากมายอย่างที่แม่ว่า หนูจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ในบ้านของหนูแตกหักอย่างแน่นอน

หนูรู้ว่าหนูเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ โดยเฉพาะป่าป๊าเจ้าหลักการของหนู ที่นอกจากชีวิตจะมีแต่วิชาการแล้ว ยังไม่เชื่อใครง่ายๆอีกด้วย ที่สำคัญคือ ป๊าเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ว่าหนูเป็นลมชักจริงๆ เพราะเป็นโรคที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ไม่เหมือนโรคทางศัลยกรรม ถึงตอนนี้ป๊าจะเริ่มยอมรับได้แล้ว แต่ป๊าก็ยังเข้าใจว่าโรคที่หนูเป็นไม่ต่างอะไรกับการ “หลับใน” ซึ่งเกิดจากการนอนไม่พอ และคิดว่า แค่หนูนอนให้พอ ช่วงที่ตื่นอยู่ก็อัดความรู้ใส่สมองให้เต็มที่ กินอาหารเสริมบำรุงสมองเสียหน่อย การเรียนของหนูก็น่าจะดีขึ้น

แต่โรคลมชัก ไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยการนอนไม่พอเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการได้ โดยเฉพาะความเครียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ป๊าเอามาให้หนูอยู่ทุกวัน

หนูคิดออกแล้วว่า การที่จะแก้ปัญหานี้ได้ อย่างแรกเลยคือต้องทำให้ป๊าเข้าใจโรคลมชักให้ได้

บทสรุป การวิเคราะห์ว่าต้นเหตุความเครียดอยู่ที่ใดบ้าง จะช่วยให้เห็นทางออก สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากตนเองก่อนเพราะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น การเปิดเผยความในใจกับคนที่เรารักและไว้ใจเป็นทางออกที่ดี ผู้ป่วยมีทั้งความรักและกลัวพ่อ ต้องแยกระหว่างความรักและความกลัว ถ้าทั้งสองอารมณ์มาด้วยกันมักจะเกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าแยกจากกันใช้ความรักผลักความกลัวออกจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกไม่มีกำแพงกั้น การยอมรับปัญหาและหาสาเหตุ เพื่อการแก้ไข ย่อมพบทางออกที่ดี และสามารถลดปัญหาความไม่เข้าใจกันได้ การแก้ปัญหาโดยการโยนความผิดที่ผู้อื่นนั้นย่อมไม่เกิดผลดีใดๆ มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ