รวมญาติตระกูลบี (ตอนที่ 6)

รวมญาติตระกูลบี

สำหรับปริมาณความต้องการวิตามินบี 3 นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Amino acid tryptophan) ในอาหาร ซึ่งสามารถแปลงเป็นไนอะซินในร่างกาย โดยทริปโตเฟน 60 mg สามารถแปลงเป็นไนอะซินได้ 1 mg หรือที่เรียกว่า 1 NE (Niacin equivalent) ซึ่งปริมาณที่แนะนำทั้งในสหรัฐอเมริการและสหภาพยุโรป ได้แก่ 16 mg NEs สำหรับผู้ชาย และ 14 mg NEs สำหรับผู้หญิง

โดยทั่วไป คนที่กินอาหารสมส่วนอยู่แล้วจะได้รับวิตามินบี 3 ที่พอเพียง อย่างไรก็ดีจากการสำรวจพบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 15-25 มักจะได้รับวิตามินบี 3 ที่ไม่พอจากอาหาร ทั้งนี้ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขาดวิตามินบี 3

อาการของการขาดวิตามินบี 3 อย่างอ่อน ได้แก่ อาหารไม่ย่อย อ่อนเพลีย ร้อนใน (Canker sores) คลื่นไส้ และหดหู่ซึมเศร้า แต่กรณีได้รับวิตามินบี 3 มากเกินไป จะทำให้ผิวมีสีแดง ทั้งนี้ แหล่งของวิตามินบี 3 ได้แก่ ยีสต์ ตับ สัตว์ปีก เนื้อไม่ติดมัน ถั่ว และ พืชตระกูลถั่ว (Legumes)

และเพื่อป้องกันผลข้างเคียง ในสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณสูงสุดสำหรับกรดนิโคตินิกรวมกับนิโคตินาไมด์ในผู้ใหญ่เป็น 35 mg ต่อวัน ส่วนในสหภาพยุโรปได้กำหนดปริมาณสูงสุดสำหรับกรดนิโคตินิกเป็น 10 mg ต่อวัน และนิโคตินาไมด์เป็น 900 mg ต่อวัน

วิตามินบี 5

วิตามินบี 5 หรือที่เรียกว่า กรดแพนโทเธนิค (Pantothenic acid) เป็นส่วนประกอบของทุกเซลล์ที่มีชีวิต เป็นวิตามินที่ช่วยในการ

  • เปลี่ยนอาหารให้เป็นน้ำตาลกลูโคส เพื่อใช้สร้างพลังงาน
  • ทำให้ไขมัน คาร์โบไฮเดรท และโปรตีน แตกตัว เพื่อใช้สร้างพลังงาน
  • สังเคราะห์คลอเรสเตอรอล
  • สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และฮอร์โมนที่เกี่ยวกับเซ็กส์และความเครียด

The European Food Safety Authority ได้ยืนยันถึงประโยชน์ของวิตามินบี 5 ไว้ว่า