บอกเล่าเก้าสิบ ตอนที่ 18: ทุกอย่างเพื่อลูก

บอกเล่าเก้าสิบ

ผมเอ่ยทักทายผู้ป่วยโรคลมชัก “น้องครับสบายดีหรือเปล่า ดูท่าทางเหนื่อยมากเลย ชักกี่ครั้งครับ” แต่ผู้ป่วยไม่พูดกับผม ไม่มองหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกครั้งจะให้ความร่วมมือในการตรวจรักษาเป็นอย่างดี ผู้ป่วยอายุ 28 ปี เป็นโรคลมชักจากเนื้องอกสมองตั้งแต่เด็ก ผ่าตัดสมองและฉายแสง ผลการรักษาดีมาก ไม่มีการเป็นซ้ำของเนื้องอกอีกเลย แต่อาการชักควบคุมไม่ได้เลย ชักเกือบทุกวัน แต่ผู้ป่วยและผู้ปกครองสามารถดูแลการชักได้ ไม่กังวลอะไรมากนัก แต่ที่หนักใจช่วงนี้ คือ พฤติกรรมของผู้ป่วยเนื่องจากเป็นโรคลมชักมากว่า 20 ปี เป็นตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ก็ดูแลอย่างดี ตามใจทุกอย่างตอนเด็กๆ ต่อมาเมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นิสัยก็เปลี่ยนไป เริ่มแอบไปดื่มเหล้า นอนดึก ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ชอบขี่มอเตอร์ไซด์ ไม่ทำงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือ อยากได้รถยนต์คันใหม่

ผู้ป่วยเองดูเหมือนจะไม่สนใจต่อคำถามของผม ไม่ตอบ แสดงสีหน้าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมจึงเข้าใจว่าน้องต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ จึงให้ผู้ป่วยรอข้างนอก และคุยกับพ่อผู้ป่วยแทน “ช่วงนี้น้องเขามีปัญหาครับหมอ เขาอยากได้รถยนต์คันใหม่ ผมไม่ยอมเขา เขาก็เลยมีปฏิกิริยาแบบนี้ครับ เขาชอบขี่มอเตอร์ไซด์มาก มีคันหนึ่งแล้ว ก็อยากได้คันใหม่ ผมก็ซื้อให้ครับ พอเบื่อมอเตอร์ไซด์คันใหม่ก็อยากได้รถกระบะ ตอนนี้ผมมีรถเก๋ง แต่แกไม่เอา อยากได้รถกระบะ ผมคุยกับภรรยาผมแล้วว่าเราคงไม่สามารถซื้อให้ได้ เราไม่ใช่คนมีเงินมากมาย เป็นข้าราชการ 2 คน ดูแลลูก 3 คน พี่ๆ เขาก็ทำงานไปแล้ว เหลือแต่น้องคนนี้คนเดียว”

ผมเองเข้าใจดีเลยครับ เพราะพบปัญหาแบบนี้มาหลายครอบครัวแล้ว แต่กรณีนี้ค่อนข้างหนักหน่อย ผมก็ได้ให้กำลังใจกับคุณพ่อ “ผมว่าคุณพ่อ – แม่ ทำถูกแล้วครับ เพราะน้องเขาก็ยังมีอาการชักไม่ควรขับรถอยู่แล้ว และเรื่องรถกระบะก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย ถ้าเราตามใจเขา เขาก็คงอยากได้อะไรที่มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ” แต่ผมกังวลใจว่าถ้าเขาไม่ได้เขาจะทำอะไรต่ออีก นอกจากไม่ใส่ใจการรักษาตัวเอง

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมได้แต่ภาวนาว่าเขาน่าจะคิดได้เองว่า พ่อแม่รักเขาเพียงใด หมอตั้งใจรักษาเขามาก ทุกคนดีต่อเขา ถ้าเขาคิดจะทำร้ายตนเองเราก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ ผมก็บอกกับพี่ๆ เขาว่า ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว พี่ๆ ทั้ง 2 คน ต้องคอยดูแลน้องด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เรายังอยู่ดูแลเขาได้ เราก็พยายามทำดีที่สุด อะไรที่ให้เขาได้ เราก็ให้ อะไรที่คิดว่าดีเราก็ทำ วันลาต่างๆ ตัวผมเองไม่เคยลาเลย เพราะต้องลาพาเขามาหาหมอทุกเดือน วันลาผมก็หมดแล้ว มีอะไรที่พ่อแม่จะให้เขาได้อีก เราก็พร้อมจะให้เขาได้ทุกอย่าง ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำอันตรายเขา แต่นี้รถกระบะเราให้ไม่ได้จริงๆ ผมเองได้คุยกับภรรยาแล้วว่า เราคงมีกรรมมากับเขาจากชาติที่แล้ว ชาตินี้เราก็ต้องดูแลเขาตลอดไป ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าเราไม่อยู่แล้วก็ได้แต่หวังว่าพี่ๆ เขาจะดูแลน้อง ผมพร้อมที่จะให้ทุกอย่างกับเขาครับ”

ผมฟังแล้วก็ยิ่งประจักษ์ถึงความรักของพ่อ แม่ที่มีต่อลูก อะไรที่ดีที่สุดสำหรับลูกให้ได้เสมอ ผมได้แต่หวังว่าบุญกุศลของพ่อแม่ที่ทำความดีจะช่วยให้น้องเขาคิดได้ และหันมาดูแลตนเอง จะได้ไม่ชักมาก พ่อแม่จะได้เป็นห่วงเขาน้อยลง โชคดีครับน้อง