ทำไมต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน ? (ตอนที่ 2)

ทำไมต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน

แพทย์หญิงรติกร เมธาวีกุล กล่าวถึงข้อเท็จจริงในการใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรค (ต่อ)

3. ถ้าเจอคนเป็นหวัดธรรมดา แล้วไม่อยากใส่หน้ากากอนามัยและไม่อยากติดโรคด้วย ขอให้มีระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตรขึ้นไป

4. การป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่ดีที่สุด คือ อย่าสัมผัสเชื้อ ดังนั้น เมื่อมีโรคระบาดไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ หรืออีโบลาก็ตาม อย่าไปอยู่ในที่ชุมชนและสถานที่แออัด มีคนเป็นจำนวนมาก ควรจำไว้เสมอว่า แม้แต่หน้ากากอนามัยประสิทธิภาพดีที่สุด ก็ยังไม่อาจป้องกันโรคติดต่อเชื้อทางเดินหายใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และไม่ดีเท่ากับการอยู่ห่างจากแหล่งระบาด

หน้ากากอนามัย (Facemask) และ หน้ากากกันเชื้อโรค N95 (N95 respirators) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการป้องกันผู้สวมใส่จากของเหลวและสิ่งปนเปื้อนในอากาศที่จะมาสัมผัสบริเวณหน้า เป็นส่วนหนึ่งของวิธีป้องกันการติดเชื้อ เมื่อมีคนไอ จาม หรือ พูด แล้วเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในอากาศได้

หน้ากากอนามัยมีหลายแบบ ทั้งแบบผูกรอบศีรษะ แบบยางยืดสวมศีรษะ หรือแบบเกี่ยวหู (Ear loops)

โดยทั่วไปหน้ากากอนามัยจะมีลักษณะครอบหลวมๆ (Loose-fitting) ใช้ปิดกั้นระหว่างปากและจมูกของผู้ใส่กับสิ้งปนเปื้อนที่ลอยอยู่ในอากาศ อาจมีการติดป้ายเพิ่มเติมว่าเป็นหน้ากากสำหรับใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการผ่าตัด (Surgical masks) สำหรับทันตแพทย์ (Dental masks) หรือ สำหรับยิงเลเซอร์ (Laser masks) และอื่นๆ

หน้ากากอนามัยแต่ละอย่างจะมีความหนาและความสามารถในการป้องกันที่ต่างกัน หากใช้ได้ถูกต้อง หน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันละอองต่างๆ ที่อาจมีเชื้อโรคอย่างเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ไม่ให้เข้าถึงปากและจมูกได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดการกระเด็นของน้ำลาย เลือด และสารคัดหลั่งของทางเดินหายใจไปยังผู้อื่นด้วย

อย่างไรก็ดี เราไม่อาจกล่าวได้ว่า หน้ากากอนามัยจะสามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมเล็กๆ ในอากาศที่เกิดจากการไอ จาม ได้ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะขณะสวมใส่หน้ากากอนามัยก็ยังเกิดช่องว่างระหว่างหน้ากากและใบหน้าที่สิ่งแปลกปลอมจะเล็ดลอดไปได้

หน้ากากอนามัยควรเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่ควรใช้มากกว่า 1 ครั้ง และไม่ควรใช้หน้ากากร่วมกับคนอื่น

สำหรับหน้ากากกันเชื้อโรค N95 (N95 respirators) จะมีการออกแบบให้เหมาะและแนบกับใบหน้าให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศ

คำว่า “N95” หมายความว่า ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถกั้นอานุภาคเล็ก (0.3 ไมครอน) ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 หากมีการสวมใส่ที่ถูกพอดี ซึ่งเป็นการกันได้มากกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถขจัดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิตได้ทั้งหมด

แหล่งข้อมูล

1. หน้ากากอนามัย ป้องกันโรคได้ จริงหรือ? http://manager.co.th/GoodHealth/ViewNews.aspx?NewsID=9580000138967&Keyword=%e2%c3%a4[2016, January 4].

2. Masks and N95 Respirators. http://www.fda.gov/MedicalDevices/ProductsandMedicalProcedures/GeneralHospitalDevicesandSupplies/PersonalProtectiveEquipment/ucm055977.htm[2016, January 5].

3. Swine Flu (H1N1) and Face Masks. http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/swine-flu-h1n1-and-face-masks[2016, January 5].

4. How to Put on and Remove a Face Mask. http://www.sfcdcp.org/facemask.html[2016, January 5].