กระจ่างขึ้นด้วยเครื่องช่วยวินิจฉัย (ตอนที่ 5)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 3 สิงหาคม 2558
- Tweet
การใช้เอ็มอาร์ไอกับการตรวจหัวใจและหลอดเลือด เช่น
- ดูขนาดและการทำงานของห้องหัวใจ
- ดูความหนาและการเคลื่อนไหวของผนังหัวใจ
- ดูร่องรอยความเสียหายของโรคหัวใจ
- ดูปัญหาโครงสร้างในหลอดเลือดเอออร์ตา (Aorta) เช่น หลอดเลือดโป่งพอง
- ดูการอักเสบหรืออุดตันของหลอดเลือด
การใช้เอ็มอาร์ไอกับกระดูกและข้อต่อ เช่น
- ข้อต่อผิดปกติ เช่น ข้อต่ออักเสบ (Arthritis) หรือข้อต่อผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากการได้รับบาดเจ็บ
- ข้อกระดูกสันหลังผิดปกติ
- การติดเชื้อในกระดูก
- มีก้อนเนื้อในกระดูกและเซลล์เนื้อเยื่อ
ในห้องตรวจเอ็มอาร์ไอจะห้ามนำเอาวัตถุโลหะและอิเล็คโทรนิคเข้าไปด้วย เพราะอาจเกิดความเสียหายและทำให้การตรวจผิดพลาดได้ เช่น
- เครื่องประดับ นาฬิกา บัตรเครดิต เครื่องช่วยฟัง
- เข็มหมุด กิ๊บหนีบผม
- ปากกา มีดพก แว่นตา
สำหรับคนที่มีการใส่อวัยวะต่อไปนี้ ไม่ควรทำเอ็มอาร์ไอ
- มีการฝังประสาทหูเทียม (Cochlear implant)
- มีการใส่คลิป (Clips) บางชนิดที่ใช้ในกรณีหลอดเลือดโป่งพองในสมอง (Brain aneurysms)
- มีการใส่ขดลวด (Metal coils) บางชนิดในหลอดเลือด
- มีการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Cardiac defibrillators) และเครื่องคุมจังหวะหัวใจ (Pacemakers)
- มีการใช้ข้อเทียมที่เป็นโลหะ (Metallic joint prostheses)
ข้อดีของเอ็มอาร์ไอ
- ไม่มีการใช้รังสี (Ionizing radiation) ในการตรวจ
- สามารถใช้ตรวจอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน (Soft-tissue structures) เช่น หัวใจ ตับ ฯลฯ ได้ดีกว่าเครื่องมืออื่น ทำให้สามารถวินิจฉัยความผิดปกติของสมองเฉพาะแห่ง (Focal lesions) และก้อนเนื้อ (Tumors) ได้ดี
- สามารถใช้ตรวจความผิดปกติของอวัยวะที่อาจถูกบดบังด้วยกระดูก
แหล่งข้อมูล
- Magnetic Resonance Imaging (MRI) - Body. http://www.radiologyinfo.org/en/info.cfm?pg=bodymr [2015, August 2].
- MRI. http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/mri/basics/definition/prc-20012903 [2015, August 2].